สันติสุข ซัด “ส.ส.เพื่อไทย” โง่ หรือขี้เกียจหาข้อมูล? ลั่นแรง ท็อปนิวส์เสนอความจริง ทำแนวร่วมสามนิ้วดิ้นพล่าน!
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมต้องปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 หมวด 5 มาตรา 60 ที่รัฐต้องรักษาไว้ซึ่งคลื่นความถี่และสิทธิในการเข้าใช้วงจรดาวเทียมอันเป็นสมบัติของชาติ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ต้องจัดให้มีการใช้ประโยชน์จากการใช้คลื่นความถี่ ตามวรรคหนึ่งเน้นว่าการส่งกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ เพื่อเป็นไปตามประโยชน์สูงสุดความมั่นคงรัฐและประโยชน์สาธารณะ

พร้อมกับบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามพ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดินปี 2534 ในมาตรา 11 คือเรียกว่าท่านมีอำนาจบริหารทั้งหมด ทั้งส่วนภูมิภาคและส่วนกลาง คำสั่งทุกอย่างทั้งการยับยั้งและการปฏิบัติการท่านมีอำนาจสูงสุด ทั้งเป็นนายกฯและเป็นรมว.กลาโหมที่มีหน้าที่ปกป้องประเทศตามพ.ร.บ.การจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ซึ่งในกระทรวงกลาโหมมีส่วนบริหารของกองทัพต่าง ๆมากมาย และกองทัพกถือเป็นส่วนหนึ่งในกระทรวงกลาโหม แต่นายกฯปล่อยปละละเลยที่จะให้สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) ดำเนินการไม่โปร่งใส ตนได้เช็คประวัติความเป็นมาของททบ. 5 เริ่มต้นมานานแล้วตั้งแต่สมัยปี 2495 จากสังกัดกรมการทหารสื่อสาร และพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนเป็นหน่วยงานของรัฐรูปแบบใหม่สังกัดกองทัพบกที่มีความสัมพันธ์กับกระทรวงกลาโหม กำกับโดยพล.อ.ประยุทธ์ ที่สำคัญกองทัพบกเป็นผู้ถือหุ้นททบ.5 จำนวน 19 ล้านหุ้น ถือว่าเป็นเจ้าของ เพราะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่

ล่าสุดวันนี้ (22 กุมภาพันธ์ 2565) ทางด้าน นายสันติสุข มะโรงศรี หนึ่งในทีมผู้ประกาศข่าวของทางท็อปนิวส์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุข้อความว่า
ที่ ส.ส.ผู้ทรงเกือกในสภา พูดให้ร้ายว่า ท็อปนิวส์เข้าที่ไหนเจ๊งหมดนั่น มึงโง่ หรือขี้เกียจหาข้อมูล
1. รายได้เดือน มค.และ กพ. 65 ช่อง 5 มีรายได้เพิ่มราว 41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 64
รองโฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า “การนำพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญและความเป็นมืออาชีพด้านการสื่อสารมาร่วมผลิตรายการข่าว เหมือนการบริหารจัดการของสถานีโทรทัศน์ทั่วไป และบริษัทแกแลคซีฯไม่ได้มีส่วนเข้ามาในการบริหารสถานี โดยได้มีการกำหนดการจัดแบ่งรายได้และการประกันรายได้ขั้นต่ำ 65 ล้านบาทต่อปี หากมีรายได้เพิ่มขึ้น ททบ.5 ก็จะได้รับมากขึ้นตามสัดส่วน”
2. ยอดคนดู ช่อง 5 ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 16 จากปีที่แล้ว อยู่อันดับที่ 19 (นี่เรตติ้งทั้งสถานี ไม่ได้คิดเฉพาะช่วงที่ทีมท็อปนิวส์เข้ามาทำ ซึ่งยอดคนดูพุ่งสูงกว่าเดิมมากกว่านั้น)
3. การนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริง ต่อสู้หักล้างกับขบวนการปั่นเฟกนิวส์ทำลายชาติทำลายสถาบัน ก็ขนาดเพิ่งเริ่ม แนวร่วมขบวนการดิ้นๆๆๆๆ แสดงว่ามาถูกทางมั๊ย 555
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2565) พันเอกหญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ตามที่ฝ่ายการเมืองได้นำเรื่องการดำเนินงานของสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) เข้าสู่การอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ เมื่อ 18 ก.พ.65 โดยระบุถึงการร่วมผลิตรายการข่าวของบริษัทสื่อภายนอก กังวลว่าอาจส่งผลต่อการบริหารจัดการและความเป็นกลางของทางสถานีนั้น
กองทัพบก ขอเรียนว่า ททบ.5 เป็นกิจการด้านสื่อสารมวลชน ภายใต้การกำกับดูแลของกองทัพบก มีสถานะเป็นผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ตาม พรบ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการบริการสาธารณะประเภทที่ 2 ที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยสาธารณะ สถานีดำเนินการภายใต้อุดมการณ์ของทางสถานีคือ “นำคุณค่าสู่สังคมไทย” ตลอดมา โดยไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากทางราชการ และยังมีผู้จัดรายการและพันธมิตร ร่วมผลิตเนื้อหาสาระอย่างหลากหลาย ตามวิถีแห่งการดำเนินกิจการด้านสื่อสารมวลชน

ปัจจุบัน ททบ.5 บริหารจัดการสถานีด้วยตนเอง สำหรับการร่วมมือกับบริษัท กาแล็กซี มัลติมีเดียคอร์เปอเรชั่น จำกัด ในปี 2565 นี้ ถือเป็นเรื่องปกติในการนำพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญและความเป็นมืออาชีพด้านการสื่อสารมาร่วมผลิตรายการข่าวเหมือนการบริหารจัดการของสถานีโทรทัศน์ทั่วไปและบริษัทดังกล่าว ไม่ได้มีส่วนเข้ามาในการบริหารสถานี โดยได้มีการกำหนดการจัดแบ่งรายได้และการประกันรายได้ขั้นต่ำ 65 ล้านบาทต่อปี หากมีรายได้เพิ่มขึ้น ททบ. ก็จะได้รับมากขึ้นตามสัดส่วน
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงเรื่องการจัดสรรรายได้ เป็นพื้นฐานค่าตอบแทนทั่วไปของการบริหารงานด้านสื่อสารมวลชน แต่สาระสำคัญที่สื่อในเครือของกองทัพบกยึดมั่นตามนโยบายคือ การนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริง เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ปฏิบัติตามข้อกำหนดของ กสทช. สื่อสารอย่างสร้างสรรค์ ทันสมัยมีประสิทธิภาพ เพื่อความรักความสามัคคี สนองตอบภารกิจด้านความมั่นคงของประเทศ สร้างจิตสำนึก อุดมการณ์รักชาติรักแผ่นดินและให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลรอบด้าน
ทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ สังคม เป็นช่องทางสื่อสารให้ประชาชนรู้เท่าทันในทุกเหตุการณ์ เพื่อการปฏิบัติตนได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากปัจจุบันปรากฎข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนความจริงผ่านช่องทางต่างๆ ออกมาเป็นจำนวนมากทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ทั้งนี้หากภาคส่วนใดได้รับผลกระทบหรือมีข้อมูลการดำเนินการของ ททบ. ที่ไม่เป็นไปตามระเบียบ สามารถใช้สิทธิดำเนินการตามกฎหมายหรือช่องทางที่รัฐได้กำหนดไว้