สหรัฐฯยังแสดงพฤติกรรมพูดอย่างทำอย่างอย่างชัดเจน แม้แต่คนอเมริกันยังรับไม่ได้ หลังจากเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม ปธน.ไบเดนรณรงค์ให้คำมั่นที่จะยุติการขุดเจาะใหม่เพื่อแสวงหาน้ำมันและก๊าซบนที่ดินของรัฐบาลกลาง และสั่งหยุดการเช่าใหม่ แต่ข้อเท็จจริงคือ เมื่อต้องเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ได้กระตุ้นให้เขาประกาศปล่อยน้ำมัน 50 ล้านบาร์เรลจากคลังสำรองปิโตรเลียมเชิงกลยุทธ์ของรัฐบาลเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันกระทรวงมหาดไทยของสหรัฐฯ ออกรายงานเกี่ยวกับโครงการเช่าซื้อแร่ของรัฐบาลเมื่อวันศุกร์ที่ 26 พ.ย.2564 โดยระบุว่าการขายพื้นที่ใหม่จะจำกัดเฉพาะพื้นที่ที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันและก๊าซอยู่แล้ว ซึ่งช่วยให้บริษัทน้ำมันสามารถเช่าโอกาสในการสำรวจใหม่ๆ ใกล้แหล่งที่จัดตั้งขึ้นแล้วในสถานที่ต่างๆ เช่น อ่าวเม็กซิโก แอ่งเปอร์เมียนของเท็กซัสและนิวเม็กซิโก ก่อนหน้านี้ในเดือนสิงหาคม 2564 ก็เปิดให้เช่าพื้นที่ขุดใหม่ในรัฐไวโอมิง, โคโลราโดและมอนทานา (Wyoming, Colorado และ Montana)
ประเด็นนี้ทำให้ศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพของสหรัฐฯ วิพากษ์วิจารณ์ทันที เรียกรายงานของกระทรวงมหาดไทยว่า“ทั้งน่าสมเพชและน่าผิดหวัง”รวมถึงเป็นการละทิ้งคำมั่นสัญญาในการหาเสียงของไบเดน
แคสซี ซีเกล ผู้อำนวยการสถาบัน Climate Law Institute ของศูนย์กล่าวว่า“รายงานของวันนี้เป็นความล้มเหลวอย่างสมบูรณ์ในการเป็นผู้นำด้านสภาพอากาศที่โลกของสหรัฐฯ” “สันนิษฐานว่ามีการเช่าเชื้อเพลิงฟอสซิลมากกว่าที่สภาพอากาศของเราสามารถรองรับได้”
สหรัฐฯเองป่าวร้องให้ทุกประเทศเลิกใช้พลังงานฟอสซิล แต่กลับเปิดทางบริษัทยักษ์น้ำมันขุดบ่อใหม่ แล้วไปบีบบังคับยุโรปต้องเผชิญความหนาวเหน็บ ขาดแคลนก๊าซ เพื่อสนับสนุนวอชิงตันบีบบังคับรัสเซียให้จ่ายค่าต๋งให้ยูเครน
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 พ.ย.2564 สำนักข่าวแอ็กซิออส (Axios) รายงานโดยอ้างถึงเอกสารลับที่ได้รับว่า เนื้อหารายงานระบุว่าทางการเยอรมนีเรียกร้องเป็นการส่วนตัว ให้วอชิงตันละทิ้งแนวคิดในการใช้มาตรการคว่ำบาตรโครงการท่อส่งก๊าซ รัสเซียนอร์ดสตรีม 2 (Russian Nord Stream 2)
เยอรมนีระบุว่า “การดำเนินการฝ่ายเดียว”ของรัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐฯในโครงการคว่ำบาตรนอร์ดสตรีม 2 จะ“บั่นทอนความสามัคคีระหว่างยุโรปข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกกับรัสเซียอย่างจริงจัง”
รัฐบาลเยอรมนีโต้แย้งว่านอร์ดสตรีม 2 (Nord Stream 2) ในสถานะปัจจุบันไม่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงด้านพลังงานของยูเครนแต่อย่างใด ซึ่งเป็นข้อกังวลที่วอชิงตันอ้างว่า มีเหตุผลเพียงพอสำหรับการคว่ำบาตรที่อาจเกิดขึ้น เบอร์ลินยังกล่าวด้วยว่า การคว่ำบาตรของสหรัฐฯ จะกระทบต่อพันธมิตรของสหรัฐฯ ในยุโรป ได้แก่ เยอรมนี ซึ่งจะทำให้ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐฯอ่อนแอลงและจะเป็นอันตรายต่อความสำเร็จที่ทั้งสองประเทศให้การสนับสนุนต่อยูเครน
ทั้งกล่าวด้วยว่ารัสเซียกำลังปฏิบัติตามพันธกรณีการส่งมอบทั้งหมด และไม่สามารถตำหนิได้ว่าเป็นต้นเหตุทำให้ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้น อีกทั้งเป็นการผิดกฎหมายสัญญาระหว่างประเทศได้
จุดยืนของเบอร์ลินในเรื่องนี้อาจขึ้นอยู่กับจุดยืนของรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งในเร็วๆนี้ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โรเบิร์ต แฮเบค Robert Habeck รองนายกรัฐมนตรีของเยอรมนีและหัวหน้าพรรคกรีน(Green Party) กล่าวถึงโครงการของรัสเซียว่าเป็นวิธีการกดดันยูเครนและเพิ่มการพึ่งพารัสเซียมากเกินไป น่าแปลกที่พรรคการเมืองของเยอรมนีเป็นห่วงประเทศอื่นจะเสียผลประโยชน์มากกว่าเป็นห่วงประชาชนเยอรมนีจะขาดแคลนก๊าซในหน้าหนาว
จับตาว่า ท่อก๊าซนอร์ดสตรีม 2 ของรัสเซียจะได้เปิดใช้ตามข้อตกลงหรือไม่ เมื่อรัฐบาลใหม่จัดตั้งรัฐบาลผสมเรียบร้อย ขึ้นอยู่กับการประกาศนโยบายใหม่ตามก้นวอชิงตัน หรือเป็นตัวของตัวเอง??
