แรง!!! จีนประนามอังกฤษแทรกแซง รับผู้ลี้ภัยฮ่องกง กร้าวพร้อมตอบโต้สมน้ำสมเนื้อ ขณะสภาคองเกรสสหรัฐฯโหวตเพิ่มแซงก์ชันปักกิ่ง ทำทรัมป์หมดสิทธิ์วีโต้

2408

“จีน” เตือนอังกฤษปรามออสเตรเลีย ให้ยุติแทรกแซงกิจการฮ่องกงและกิจการภายในของจีน เมื่อหลังสองประเทศยื่นข้อเสนอรับคนฮ่องกงที่ต้องการหนีกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของปักกิ่ง ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติท่วมท้นยกระดับมาตรการแซงก์ชันเจ้าหน้าที่จีนและฮ่องกง เพื่อตอบโต้ความพยายามควบคุมเขตบริหารพิเศษของจีนให้อยู่ภายใต้นโยบาย หนึ่งประเทศสองระบบอย่างราบรื่น

วันพฤหัสบดีที่ 2 ก.ค. สถานเอกอัครราชทูตจีนในลอนดอนแถลงระบุว่า เพื่อนร่วมชาติชาวจีนทุกคนที่อาศัยอยู่ในฮ่องกงนั้น ถือว่าเป็นคนจีน ซึ่งรวมถึงคนฮ่องกงเกือบ 3 ล้านคน ที่ถือหนังสือเดินทางสัญชาติอังกฤษนอกราชอาณาจักร (บีเอ็นโอ) หรือที่มีสิทธิ์ได้รับหนังสือเดินทางประเภทนี้ โดยที่เวลานี้อังกฤษกำลังประกาศอ้าแขนรับคนเหล่านี้ให้ไปพำนักอาศัย และอาจพิจารณาให้สัญชาติอังกฤษในอนาคต

สถานเอกอัครราชทูตจีน สำทับว่า ถ้าอังกฤษดำเนินการเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องตามอำเภอใจฝ่ายเดียวเช่นนี้ จะถือเป็นการละเมิดจุดยืนของตัวเอง และขัดกับกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงบรรทัดฐานที่กำกับดูแลความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้น จีนคัดค้านการกระทำดังกล่าวของอังกฤษและสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการตอบโต้ และปิดท้ายด้วยการเรียกร้องให้ลอนดอนประเมินการตัดสินใจเสียใหม่และละเว้นการแทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกงไม่ว่าทางใดก็ตาม

ทั้งนี้ ฮ่องกงเคยอยู่ภายใต้เขตอำนาจของอังกฤษกระทั่งเมื่อมีการส่งมอบคืนให้จีนในปี 1997 ขณะเดียวกัน หลังจากสิ้นสุดการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ในปีนี้ อังกฤษได้พยายามอย่างหนักในการกระชับสัมพันธ์กับจีนให้แน่นแฟ้นขึ้น

สื่อเมืองผู้ดีได้รายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษได้เรียกเอกอัครราชทูตจีนเข้าพบเมื่อวันพุธ (1ก.ค.2563) เพื่อแสดงความกังวลเกี่ยวกับกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ของจีน ที่ใช้กับฮ่องกง และหลังจากนั้น โดมินิก ราบ รัฐมนตรีต่างประเทศ ยอมรับว่า ลอนดอนคงทำอะไรไม่ได้มากนัก ถ้าจีนไม่อนุญาตให้คนฮ่องกงย้ายถิ่นไปอยู่อังกฤษ และกล่าวว่าจะใช้เครื่องมือทางการทูตและวิธีการอื่นๆ เพื่อให้จีนผ่อนคลายแนวทางต่อฮ่องกง รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่

คณะกรรมการประจำของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติของจีน ได้ผ่านกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ ที่มุ่งใช้กับฮ่องกง เมื่อวันอังคาร (30 มิ.ย.2563) และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ลงนามประกาศใช้ในวันเดียวกัน ถึงแม้รัฐบาลชาติตะวันตกมองว่า เป็นการละเมิดหลักการหนึ่งประเทศ-สองระบบ ที่ปักกิ่งตกลงไว้กับลอนดอนก่อนการส่งมอบฮ่องกงเมื่อ 23 ปีที่แล้วก็ตาม

นอกจากอังกฤษ แล้ว ออสเตรเลียเป็นอีกชาติที่แสดงปฏิกิริยาในเรื่องนี้อย่างเปิดเผยในทันที โดยในวันพฤหัสฯ (2 ก.ค. 2563) นายกรัฐมนตรี สกอตต์ มอร์ริสัน กล่าวว่า สถานการณ์ในฮ่องกงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง และเร็วๆ นี้ รัฐบาลออสเตรเลียจะพิจารณาข้อเสนอรับชาวฮ่องกงที่ต้องการลี้ภัย พร้อมส่งสัญญาณชัดเจนว่า คณะรัฐมนตรีมีแนวโน้มอนุมัติข้อเสนอดังกล่าว และยืนยันว่า ออสเตรเลียพร้อมให้การสนับสนุนคนฮ่องกง

วันเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตจีนในกรุงแคนเบอร์รา ออกคำแถลงเรียกร้องให้ออสเตรเลียยุติการแทรกแซงกิจการฮ่องกงและกิจการภายในของจีน

ก่อนหน้านี้ ออสเตรเลียเรียกร้องให้จัดตั้งคณะกรรมการอิสระสอบสวนที่มาของไวรัสโคโรนา ที่อุบัติขึ้นครั้งแรกในจีนเมื่อปลายปีที่แล้ว รวมทั้งกล่าวหาว่า ปักกิ่งใช้บริษัทเทคโนโลยีอย่างหัวเว่ยเป็นเครื่องมือสอดแนม

ต่อมาจีนตอบโต้ด้วยการเตือนนักศึกษาและนักท่องเที่ยวของตนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปออสเตรเลีย ออกมาตรการแซงก์ชันสินค้าออสเตรเลีย และตัดสินประหารพลเมืองออสเตรเลียข้อหาลักลอบค้ายาเสพติด

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่ได้เปิดเผยว่า จะลงนามรับรองร่างกฎหมายนี้หรือไม่ โดยเมื่อปีที่แล้ว ผู้นำสหรัฐฯ เคยแสดงความลังเลในการลงนามกฎหมายสิทธิมนุษชนฮ่องกงที่ปูทางสู่การแซงก์ชันพวกเจ้าหน้าที่จีนเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตามร่างกฎหมายฉบับใหม่จะบังคับให้ดำเนินการแซงก์ชันจีน เนื่องจากได้รับความสนับสนุนจาก ส.ส.และวุฒิสมาชิกอย่างท่วมท้น จึงเป็นการจำกัดโอกาสที่ทรัมป์จะใช้สิทธิ์วีโต้ได้

สำหรับที่ฮ่องกง โฆษกสำนักงานตำรวจของที่นั่นแถลงในวันพฤหัสฯว่า ได้จับกุมชายวัย 24 ปีผู้หนึ่ง จากเครื่องบินของคาเธ่ย์ แปซิฟิก ในเที่ยวบินซึ่งมีปลายทางที่ลอนดอน เนื่องจากเขาเป็นผู้ต้องสงสัยแทงตำรวจได้รับบาดเจ็บระหว่างการประท้วงในวันพุธ

สถานีเคเบิลทีวีท้องถิ่นรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในสำนักงานตำรวจว่า เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม เมื่อเวลา 23.43 น. ก่อนเที่ยวบินดังกล่าวออกเดินทางว่า ผู้ต้องสงสัยเตรียมหนีไปลอนดอน โดยชายคนดังกล่าวซื้อตั๋วเที่ยวเดียวหลังจากเกิดเหตุตำรวจถูกแทง 2 ชั่วโมง และไปถึงสนามบินโดยไม่มีกระเป๋าเดินทาง ชายคนนี้ที่ได้รับการเปิดเผยเพียงว่าแซ่หว่อง ถือหนังสือเดินทางบีเอ็นโอของอังกฤษ

สำหรับการประท้วงซึ่งเกิดขึ้นในฮ่องกงเมื่อวันพุธ ตำรวจได้จับกุมผู้ประท้วงไปทั้งสิ้นราว 370 คน ในจำนวนนี้ 10 คนถูกตั้งข้อหาละเมิดกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่
……………………………………
Cr:viceworldnews