จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (12 พฤศจิกายน 2564) แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือเจเคเอ็น โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ระบุว่า
ประชาชนที่รักเทิดทูน ร. 9 กลับบางครั้งถูกด่าทอว่าโง่งมงายเป็นสลิ่มดักดาน ถ้าพวกคุณเป็นคนรักประชาธิปไตยจริง การคิดแยกแยะวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลคือคุณสมบัติขั้นต้น ใครดีก็ว่าดี ไม่ใช่เหมารวม ประชาธิปไตยจะดีต้องเกิดจากคุณภาพความคิดที่ดีมีเหตุผลของคนใช้หลักการ มิฉะนั้นก็จะเสื่อมราคา
พร้อมกับโพสต์ข้อความต่ออีกว่า 14 เกรียนคีย์บอร์ดที่ถูกแอนฟ้องคดีหมิ่นประมาท และเรียกค่าเสียหาย ไม่มีใครมาปรากฏตัวที่ศาลหรือสถานีตำรวจเลย จึงขอประกาศว่าทุกคนได้กลายเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาแล้วและเมื่อเจ้าหน้าที่พบตัวจะถูกจับเข้าห้องขังทันที โดยการหนีออกต่างประเทศก็ไม่ทันแล้ว..ไม่รับคำขอโทษค่ะ เพราะดิฉันเอาจริงค่ะ
ผู้ต้องหาคดีอาญาทั้ง 14 คนก็ได้แต่ต้องใช้ชีวิตหนีคุกไปวันๆ…ถ้าพวกคุณเป็นนักประชาธิปไตยตัวจริง ต้องกล้ารับผิดชอบในสิ่งที่ตนทำอย่างมีเหตุผล แต่ทำไมถึงไม่ออกมาคุยกัน? หายไปไหน? โดยเฉพาะแกนนำ…ทิ้งให้ทั้ง 14 คน เผชิญชะตากรรมลำพังได้อย่างไร? ทุกคนเข้าใจคำว่าถูกหลอกใช้แล้วหรือยัง?
โดยก่อนหน้านี้ แอน จักรพงษ์ ได้โพสต์ข้อความว่า จ้องทำลายล้างเพราะริษยาหมั่นไส้ (Cancel Culture) คือพฤติกรรมการเฝ้ารอจับผิดคนที่ตนไม่ชอบอันเกิดมาจากความเกลียดชังส่วนตัวเพราะคนๆ นั้นเด่นกว่า สำเร็จกว่า โดยใช้คำพูดเพียงไม่กี่คำหรือโมเมนต์ที่คนๆ นั้นพลาด มาทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต เพื่อให้คนอื่นๆ ที่หูเบาร่วมกันประชาทัณฑ์ในสื่อ
Cancel Culture ส่วนใหญ่เกิดจากมนุษย์จอมปลอมที่มีเชื้อริษยาคนที่สำเร็จกว่า โดยจ้องทำลายล้างด้วยการใช้ข้ออ้างทางการเมือง เช่นรักประชาธิปไตยหรือเกลียดรัฐบาล แต่จริงแล้วไม่ได้เป็นประชาธิปไตยตัวจริง ทำไปเพียงเพื่อระดมพรรคพวกสร้างฐานการรุมประชาทัณฑ์ทางสื่อกับคนที่ตนไม่ชอบเท่านั้นเอง
การใส่ร้ายป้ายสี (Smear Campaign) คือพฤติกรรมที่มาพร้อมกับ Cancel Culture อยู่เสมอโดยการใช้คำพูดที่พลาดหรือโมเมนต์ที่พลาดของคนๆ นั้นที่พวกจอมปลอมริษยาหมั่นไส้ไม่ชอบเป็นการส่วนตัวสร้างเรื่องให้ใหญ่โตเพื่อเรียกแสงให้คนอื่นที่หูเบาในสังคมมาช่วยรุมประชาทัณฑ์ทั้งสื่อ
‘เหยียด’ ‘ดูถูก’ ‘ไม่ให้เกียรติคนอื่น’ มักจะเป็นคำพูดที่ใช้ใส่ร้ายป้ายสีของพวกจอมปลอมที่หมั่นไส้ริษยาคนที่สำเร็จกว่า เพราะจริงๆแล้วพวกจอมปลอมเหล่านี้ไม่ได้แคร์ถึงสิทธิมนุษยชนอะไรของใครแต่ใช้คำพูดเหล่านี้เพื่อสร้างแสงเรียกคนที่หูเบามาร่วมกันประชาทัณฑ์คนที่ตนไม่ชอบในสื่อต่างหาก