ผู้แทนอาเซียนสับเละ!!สหรัฐตั้งAUKUS แข่งอาวุธนิวเคลียร์ บั่นทอนภูมิภาค

1311

การประชุมสัมมนาครั้งใหญ่ด้านมิติสัมพันธ์ทางทะเล ซึ่งจัดขึ้นที่จีน สะท้อนความต้องการของชาติต่างๆ เรียกร้องให้สนับสนุนพหุภาคีในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ต่อต้านลัทธิฝ่ายเดียว ครั้งนี้หวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศ ได้แสดงจุดยืนคัดค้านต่อการทำให้ทะเลเป็นเครื่องมือในการแสวงหาอำนาจฝ่ายเดียว และเรียกร้องให้นานาประเทศร่วมกันปกป้องความสงบเรียบร้อยทางทะเล ขณะที่ตัวแทนจากอาเซียนและประเทศต่างๆที่เข้าร่วมได้แสดงเจตจำนงค์ คัดค้านการตั้งกลุ่ม AUKUS ที่นำโดยสหรัฐฯ จะนำความหายนะการแข่งขันอาวุธนิวเคลียร์ เข้ามาบั่นทอนความมั่นคงและความสงบสุขของภูมิภาค

วันที่ 9 พ.ย.2564 สำนักข่าวโกลบัลไทมส์ รายงาน ผลการประชุมSymposium on Global Maritime Cooperation and Ocean Governance 2021 จัดขึ้นในเมืองซานย่า มณฑลไห่หนาน ทางตอนใต้ของจีนระหว่างวันที่ 9-10 พ.ย.2564 ประกอบด้วยผู้แทน 800 คนจาก 30 ประเทศและภูมิภาค ร่วมพิจารณาประเด็นความร่วมมือทางทะเล และประเด็นปัญหาในทะเลจีนใต้ป็นการจัดขึ้นร่วมกันโดยศูนย์วิจัยจีน-เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เกี่ยวกับทะเลจีนใต้ สถาบันแห่งชาติจีนเพื่อการศึกษาทะเลจีนใต้ และมูลนิธิพัฒนามหาสมุทรแห่งประเทศจีน

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทะเลจีนใต้ได้กลายเป็นแนวหน้าสำหรับนโยบายต่อต้านจีนของสหรัฐฯ มากขึ้น เนื่องจากไม่เพียงแต่ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินเข้ามาในภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ รวมถึงสหราชอาณาจักรและญี่ปุ่นเพื่อข้ามชาติ การซ้อมรบร่วมทางเรือในภูมิภาค 

จีนได้ชี้แจงอย่างชัดเจนในการประชุมสัมมนาความร่วมมือทางทะเลเมื่อวันอังคารว่า ได้ให้คำมั่นที่จะทำงานร่วมกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคทะเลจีนใต้เพื่อขยายความร่วมมือทางทะเล ปกป้องห่วงโซ่อุปทานทางทะเลทั่วโลก และจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อสร้างทะเลจีนใต้ให้เป็นทะเลแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือ

 

หวังอี้ (Wang Yi) มนตรีแห่งรัฐของจีนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวปราศรัยในการประชุม Symposium on Global Maritime Cooperation and Ocean Governance 2021 ผ่านลิงก์วิดีโอว่า “เราควรรักษาพหุภาคีร่วมกันเพื่อร่วมกันปกป้องความสงบเรียบร้อยทางทะเล มหาสมุทรและทวีปไม่ใช่เกมที่มีผลเพื่อการแข่งขันชิงอำนาจ”

หวังอี้กล่าวว่า “เราควรร่วมกันส่งเสริมการเชื่อมต่อทางทะเลและการค้าเสรีเพื่อรักษาเสถียรภาพของการขนส่งทางทะเลและห่วงโซ่อุตสาหกรรม และเราควรพัฒนาและใช้ทรัพยากรทางทะเลอย่างเป็นระเบียบ ทำงานร่วมกันเพื่อจัดการกับความท้าทายระดับโลก เช่น ภาวะโลกร้อนและระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น” “ไม่ควรใช้มหาสมุทรเป็นเครื่องมือในการแสวงหาอำนาจโลกเพียงฝ่ายเดียว และ เราไม่เห็นด้วยกับประเทศต่างๆ ที่เกรี้ยวกราดในทะเล สร้างกลุ่ม และละเมิดสิทธิอันชอบธรรมของประเทศอื่น ๆ ในการรักษาอำนาจอธิปไตยทางทะเล”  

ในงานนี้ตัวแทนจากประเทศอาเซียนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในทะเลจีนใต้กันอย่างกว้างขวาง เช่น 

กลอเรีย มากาปากัล อาร์โรโย อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ กล่าวในพิธีเปิดว่า “ความตึงเครียดและปัญหาในทะเลจีนใต้อาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อทั้งเสถียรภาพและการฟื้นตัว อาจทำให้ภูมิภาคไม่มั่นคง ก่อให้เกิดความขัดแย้ง และส่งผลกระทบต่อการค้า การเดินทาง และการลงทุนได้มากเท่ากับหรือรุนแรงกว่าโควิด-19”

“ในตอนนี้ ด้วยข้อตกลงระหว่างออสเตรเลีย-สหราชอาณาจักร-สหรัฐอเมริกา หรือ ออคัส:AUKUS เมื่อเร็วๆนี้ เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของออสเตรเลีย ซึ่งเช่าจากสหรัฐฯ ในขั้นต้น และเรือรบออสเตรเลียที่ติดอาวุธขีปนาวุธร่อนโทมาฮ็อค (Tomahawk) ระยะไกลมีเป้าหมายเพื่อเข้าสู่การต่อสู้ทางทหาร ซึ่งทำให้กองทัพเรือ PLA ของจีน กองกำลังทางอากาศอาจรู้สึกว่าจำเป็นต้องตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นดังกล่าว นั่นทำให้เกิดความน่าหวั่นวิตก” เธอกล่าวว่าอินโดนีเซียและมาเลเซียได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันด้านอาวุธที่อาจเกิดขึ้นนี้ 

เฉิน เซียงเมี่ยว (Chen Xiangmiao) ผู้ช่วยนักวิจัยจากสถาบัน National Institute for South China Sea Studies ที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ และเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่จีนได้ตอบข้อกังวลจากประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยระบุอย่างชัดเจนว่าจีนจะมุ่งเน้นที่ ความร่วมมือและการเจรจาที่เป็นมิตรและแนวทางสันติกับประเทศในภูมิภาคเป็นสำคัญ

นักวิเคราะห์กล่าวว่าประเทศอาเซียนจำนวนมาก ตะหนักชัดเจนจากความพยายามของสหรัฐฯ ในการบีบบังคับพวกเขาให้ปิดล้อมจีนและแบ่งแยกภูมิภาค แต่พวกเขาจะไม่ตกหลุมพรางของสหรัฐฯ  

โกะ กิงกี (Koh King Kee) ประธาน Center for New Inclusive Asia จากมาเลเซียกล่าวว่า ออคัส:AUKUS เป็นแนวร่วมที่นำโดยสหรัฐฯ และเป็นองค์ประกอบเพิ่มเติมของยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกเพื่อปิดล้อมจีน แต่ไม่มีประเทศอาเซียนใดที่มีแนวโน้มว่าจะ เข้าร่วม “นาโต้เอเชีย” ที่นำโดยสหรัฐฯ  และความสัมพันธ์ทางการค้าที่ใกล้ชิดระหว่างจีนและอาเซียนจะยังคงดำเนินต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง มีแต่จะมากขึ้น

Koh กล่าวว่าในสายตาของหลายๆ คน สหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจที่ยึดตนเองเป็นศูนย์กลางซึ่งทำให้ไม่สามารถเชื่อถือและไว้วางใจได้