กลายเป็นประเด็นร้อนที่หลายคนจับตามอง ที่ในวันนี้ (10 พ.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการนัดอ่านคําวินิจฉัย เรื่อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กรณีนายอานนท์ นำภา นายภานุพงศ์ จาดนอก และนางสาว ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนวงศ์ ปราศรัยชุมนุม 10 ส.ค. 2563 ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
โดยเมื่อวันที่ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ออกออกประกาศรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยอย่างเข้มงวด เพราะหวั่นจะมีกลุ่มป่วนสถานการณ์ในการอ่านคำวินิจฉัย
ทั้งนี้ตามมาตรา 49 ได้ระบุไว้ว่า “บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้ ผู้ใดทราบว่ามีการกระทำตามวรรคหนึ่ง ย่อมมีสิทธิร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าวได้ ในกรณีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอ หรือไม่ดำเนินการภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ ผู้ร้องขอจะยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ การดำเนินการตามมาตรานี้ไม่กระทบต่อการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการตามวรรคหนึ่ง ”
ซึ่งคาดว่าหลังจากช่วงบ่ายวันนี้ (10 พ.ย. ) ก็จะทราบผล ว่าศาลจะวินิจฉัยว่า แกนนำม็อบ 3 นิ้ว ที่มี อานนท์ – ไมค์ – รุ้ง นั้น มีความผิดฐานล้มล้างระบอบการปกครองหรือไม่ แต่ไม่ว่าผลจะเป็นเช่นไร ย่อมมีผลกระทบตามมาอย่างมากแน่นอน
ก่อนหน้านี้ ในรายการ THAI MOVE TALK ทางช่องยูทูป สถาบันทิศทางไทย ทางด้านดร.เวทิน ชาติกุล ได้สัมภาษณ์สดพูดคุยกับทาง นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน หนึ่งในบุคคลสำคัญ ที่นำทีมยื่นมอบหลักฐาน เพื่อเอาผิดบรรดาแกนนำม็อบ ซึ่งเดิม ได้ยื่นให้ศาลวินิจฉัยจำนวน 8 ราย แต่ความผิดที่ปรากฎชัด ทราบต่อมาว่ามี 3 คน คือ อานนท์ – ไมค์ – รุ้ง
โดยนายณฐพร โตประยูร ได้เปิดเผยว่า ครั้งนี้ค่อนข้างมั่นใจ ว่าหลักฐานทั้งหมดที่ยื่นไป จะเป็นประโยชน์ และพิสูจน์ได้ว่า บรรดาแกนนำต้องการล้มล้างการปกครอง ที่ผ่านมา มีการวางแผน นัดการชุมนุม และมีคนคอยสนับสนุน รวมไปถึงยังทราบถึงหลักฐานที่เปิดเผยเส้นทางการเงิน การโอนเงิน ทำธุรกรรมต่าง ๆ ที่เอกสารนี้ก็ตรงกับหน่วยราชการยื่นต่อศาลด้วยเช่นกัน ดังนั้นส่วนตัวมั่นใจว่า ยังไงพวกแกนนำก็มีความผิด และรอดยาก
แต่ถ้าหากศาลวินิจฉัยว่าไม่ผิด ไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ตนเองก็น้อมรับคำตัดสินศาล แต่ที่ผ่านมาคลุกคลีกับคดีมาหลากหลายรูปแบบ ดังนั้นครั้งนี้จึงมั่นใจ ว่าหลักฐานที่มี จะสามารถเอาผิดคนกลุ่มนี้ได้ และที่ผ่านมามองว่า พวกเขาทำผิด เพราะไม่ได้ชุมนุมภายใต้กฎหมายกำหนด มีการหมิ่นเบื้องสูง เราทุกคนรู้เห็นกันอยู่แล้ว ทั้งเผารูป เผาธงชาติ การที่ต้องการทำให้สถาบันหลักสั่นคลอน ผมคิดว่านี่คือการล้มล้าง
อย่างไรก็ตามไม่ว่าผลคำวินิจฉัยจะออกมาเป็นเช่นไรก็ตาม นายณฐพร ก็พร้อมเปิดหลักฐานสำคัญ ที่ยืนยัดได้ว่า กระบวนม็อบมีการวางแผน ปลูกฝัง และยุยงให้ทำเป็นทีมเรื่อยมา มีหลักฐานการเงิน ซึ่งเรื่องนี้ละเอียดอ่อน และทางศาลก็มีการสืบพยาน ทำมาตลอดต่อเนื่อง 1 ปี ค่อนข้างมีเปอร์เซ็นต์สูง ว่าหลักฐานต้องรัดกุม จนนำไปสู่การจะเอาผิดแกนนำได้แน่นอน