ขณะที่ปธน.โจ ไบเดนเพิ่งโอ้อวดว่า กองทัพสหรัฐนั้นแข็งแกร่งและมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่ความจริงล่าสุดที่โลกได้เห็นคือ ในการรบจำลองแบบเสมือนจริงกลางทะเลทรายในศูนย์ฝึกรัฐแคลิฟอร์เนีย นาวิกโยธินสหรัฐพ่ายแพ้ให้กับ “นาวิกโยธินอังกฤษ” ภาพแพร่ในสื่อโซเชียลไปทั่ว ขณะเดียวกัน สื่อทางการของอิหร่านได้เผยแพร่ภาพเหตุการณ์สำคัญในอ่าวโอมาน ซึ่งกองกำลังของเตหะรานสกัดการยึดเรือบรรทุกน้ำมันอิหร่านและขับไล่เรือรบสหรัฐฯได้สำเร็จ เนื่องจากวอชิงตันบังคับอิหร่านห้ามส่งออกน้ำมัน กรณีทั้งสองนี้สร้างความอับอายให้กับวอชิงตันและเพนตากอนไม่น้อย
เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2564 หนังสือพิมพ์เดลีเทเลกราฟของอังกฤษรายงานว่านาวิกโยธินสหรัฐฯ ถูกผลักดันให้เข้าร่วมการฝึก5วัน ร่วมกับนาวิกโยธินอังกฤษ
ผลคือกองกำลังสหรัฐยอมจำนนและขอให้ “รีเซ็ตใหม่” และกองทหารอังกฤษทำคะแนนได้สูงในขณะที่นาวิกโยธินสหรัฐแพ้ตลอด
ในวันเดียวกัน สำนักข่าวเตหะรานของอิหร่านรายงานว่ากองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม(IRGC) ได้สกัดกั้นความพยายามของกองกำลังอเมริกันในการสกัดจับเรือบรรทุกน้ำมันโซธิส (Sothys) ติดธงชาติเวียดนาม และสามารถขับไล่เรือพิฆาตของสหรัฐออกไปได้ โดยเรือลำดังกล่าว ได้กลับเข้าสู่น่านน้ำอิหร่านแล้ว
ทางการอิหร่านได้ยืนยันรายงานว่าแม้จะขับไล่เรือรบสหรัฐฯไปได้และขัดขวางการยึดเรือสำเร็จ แต่สหรัฐได้โอนน้ำมันไปยังเรืออีกลำหนึ่ง ซึ่งจากนั้นก็ถูกนำไปยังที่อื่นโดยไม่ทราบตำแหน่ง
สหรัฐฯ ห้ามส่งออกน้ำมันของอิหร่าน เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการคว่ำบาตรที่บังคับใช้กับเตหะราน หลังจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียวที่จะละทิ้งข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 ประเทศใดก็ตามที่ซื้อน้ำมันอิหร่านจะต้องเผชิญกับการคว่ำบาตรด้วย
อย่างไรก็ตามสหรัฐฯ ปฏิเสธคำกล่าวอ้างของอิหร่าน โฆษกเพนตากอน จอห์น เคอร์บี กล่าวว่า“เป็นเท็จและไม่จริงโดยสิ้นเชิง” เจ้าหน้าที่อเมริกันอ้างว่าอิหร่านเป็นฝ่ายยึดเรือบรรทุกน้ำมันเวียดนามเมื่อเดือนที่แล้ว และเรือรบของสหรัฐฯ แค่สังเกตการณ์สถานการณ์ แต่ภาพที่กองทัพอิหร่านแพร่ในสื่อโซเชียลตรงข้ามกับที่เคอร์บีกล่าว
อิหร่านกล่าวว่าจะส่งออกน้ำมันต่อไป ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของรัฐบาล โดยไม่คำนึงถึงมาตรการคว่ำบาตร เหตุการณ์ในวันพุธไม่ใช่ครั้งแรกที่สหรัฐฯ สกัดกั้นเรือบรรทุกน้ำมันอิหร่าน และครั้งนี้เสียหน้าที่ถูกขับไล่เลยต้องปฏิเสธ