นายกฯ ขอผู้ประกอบการภาคขนส่งเข้าใจ และให้ความร่วมมือ กรณียกเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซล ยืนยันภาครัฐพร้อมดูแลทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบ ขณะที่กระทรวงพลังงานเร่งหาช่องทางอุดหนุนดีเซลเพิ่ม เพื่อลดภาระประชาชน ยืนยันจะขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป
วันที่ 28 เม.ย.2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มสมาพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนแนวทางปฏิบัติการแก้ไขปัญหาน้ำมันดีเซล ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือ โดยนายกฯ ยืนยันมีความห่วงใยประชาชนทุกภาคส่วน ที่จะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งต้องขอให้ผู้ประกอบการภาคขนส่งเข้าใจรัฐบาลด้วยว่าที่ผ่านมารัฐบาลได้ดูแลตรึงราคาน้ำมันดีเซลมาระยะหนึ่งแล้ว โดยได้ใช้เงินกองทุนพลังงานจำนวนหลายหมื่นล้านบาทจนหมด และถึงแม้ได้กู้เงินมาเสริมก็หมดลงไปแล้วเช่นกัน ดังนั้น ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน ซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จะดูแลทุกภาคส่วนให้ดีที่สุด
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายกฯ ย้ำว่าการแก้ไขปัญหาวิกฤติราคาพลังงานในขณะนี้ รัฐบาลจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง เพื่อใช้งบประมาณที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพที่สุด
โดยที่ผ่านมารัฐบาลมีมาตรการดูแลราคาน้ำมันผ่านกองทุนน้ำมัน รวมทั้งปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตร เพื่อตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่เป็นต้นทุนสำคัญของสินค้าและบริการในประเทศ ซึ่งสามารถช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนได้ส่วนหนึ่ง
ทั้งนี้ ในเดือน พ.ค.2565 ภาครัฐจะเริ่มลดการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลลง โดยจะอุดหนุนที่ 50% และจะมีการปรับราคาเป็นขั้นบันไดไปจนถึงเพดานที่กำหนด โดยในวันที่ 1 พ.ค.2565 จะมีการปรับราคาไปที่ 32 บาท/ลิตร โดยขณะนี้หากไม่มีการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลจะอยู่ที่ประมาณลิตรละ 40 บาท และเพดานการปรับราคา ณ ปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 35 บาท/ลิตร ซึ่งกระทรวงพลังงานและคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) กำลังเร่งจัดทำแนวทางลดผลกระทบให้กับประชาชน นอกจากนี้ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้เร่งทำแผนรองรับมาตรการพยุงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้กระทบแล้ว
ด้านกระทรวงการคลังได้ปรับประมาณการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 2565 ลดลงจาก 4% ต่อปี เหลือขยายตัวที่ 3.5% ต่อปี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยชะลอตัว
โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังกระทบให้ราคาพลังงานและอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2565 จะอยู่ที่ 5% ต่อปี หรือในช่วงคาดการณ์ที่ 4.5-5.5% ทั้งนี้ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในขณะนี้ส่งกระทบทั่วโลก ไม่เฉพาะประเทศไทย เมื่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซียคลี่คลาย แนวโน้มราคาน้ำมันดิบโลกก็จะลดลง
นายธนกร กล่าวว่า “ขณะที่กองทุนน้ำมันซึ่งเป็นกองทุนเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ก็ยังมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องของกองทุน อีกทั้งสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังมีความผันผวนจากสถานการณ์ของโลก ซึ่งรัฐบาลมีความเป็นห่วงเรื่องค่าครองชีพของประชาชน ราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นผลจากการที่ราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากสภาวะสงครามเป็นสำคัญ โดยรัฐบาลได้มีมาตรการที่จะช่วยลดต้นทุนตั้งแต่ต้นทาง เพื่อลดผลกระทบที่มีต่อผู้มีรายได้น้อย ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีและรัฐบาล เข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชนทุกภาคส่วน โดยจะพยายามเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้ได้มากที่สุด”
ด้านคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ว่า กบน. ได้ชี้แจงแนวทางการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล หลังสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ในวันที่ 30 เม.ย.นี้ โดยเห็นชอบให้วันที่ 1 พ.ค.นี้ ได้ปรับเพดานใหม่ให้มีราคาขายปลีกไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร โดยยึดหลักตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนหน้านี้ โดยส่วนเกิน 30 บาทต่อลิตร กองทุนน้ำมันจะเข้ามาอุดหนุนครึ่งหนึ่งและราคาขึ้นตามจริงครึ่งหนึ่ง แต่เพื่อลดผลกระทบ จึงเห็นชอบให้ขยับเป็นขั้นบันไดเป็น 32 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ เนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าและราคาดีเซลตลาดโลกสูงถึง 145 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลต้นทุนขายปลีกในประเทศไทยที่แท้จริงจะอยู่ที่ 40 บาทต่อลิตร หากราคาปรับขึ้นทันทีตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.นี้ ราคาขายปลีกจะอยู่ที่ 35 บาทต่อลิตร กบน.จึงเห็นชอบขยับขึ้นเป็น 32 บาทต่อลิตร และจะติดตามสถานการณ์ทุกๆ 7 วัน หากจำเป็นต้องขยับขึ้นก็จะทยอยปรับขึ้น เช่นไม่เกินครั้งละ 1 บาทต่อลิตร แต่จะไม่เกิน 35 บาท โดยคาดว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะไม่รุนแรงไปกว่านี้
ล่าสุด กองทุนน้ำมันมีฐานะติดลบแล้ว 56,000 ล้านบาท จึงต้องลดภาระการอุดหนุนลง โดยราคาพลังงานที่ปรับขึ้นก็ยังคงไม่ได้สะท้อนตามกลไกตลาดทั้งหมด ทั้งน้ำมัน และก๊าซหุงต้ม โดยกองทุนน้ำมันยังคงอุดหนุนอยู่ โดยเฉพาะก๊าซหุงต้มอุดหนุนอยู่ 17.52 บาทต่อกิโลกรัม
ด้านสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน สั่งปลัดกระทรวงพลังงาน หาช่องทางอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มเติม หลังจากสิ้นสุดตรึงราคาลิตรละ 30 บาท แม้จะช่วยอุดหนุนส่วนหนึ่งแล้ว ยังให้ไปดูว่าจะช่วยเพิ่มอีกได้หรือไม่ พร้อมกำชับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป