จากที่วันนี้ 30 ตุลาคม 2564 นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) มูลนิธิ สถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ ร่วมกับ จุฬารัตน์ นิรัติศยกุล นักวิชาการอิสระด้านการพัฒนายั่งยืน เสนอผลสำรวจ ขบวนการทำลายศรัทธาผู้อื่น
ทั้งนี้โดยกรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศโดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,032 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 27 – 30 ตุลาคม 2564 พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.0 ระบุขบวนการเคลื่อนไหวเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง ควรให้เกียรติ เคารพความรัก ความศรัทธาของผู้อื่นที่มีต่อ จารีตประเพณี สถาบันต่าง ๆ ของผู้อื่น เช่น ความรักศรัทธา เทิดทูนสถาบันหลักของชาติ
และกรณี ขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวของจุฬาลงกรณ์ เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 97.8 ระบุ ขบวนการที่ต้องการเปลี่ยนแปลงแบบทำลายความรักความศรัทธาและคุกคามข่มขืนจิตใจผู้อื่น เป็นขบวนการมุ่งทำลายมากกว่า สร้างสรรค์ความสงบสุขเรียบร้อยในสังคม และร้อยละ 95.1 ระบุ ขบวนการเคลื่อนไหวให้คนเท่ากัน แต่ทำลายประเพณี ทำลายคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เป็นแค่การหลอกลวงเพื่อทำให้ตนเองและพรรคพวกขึ้นมีอำนาจอยู่เหนือผู้อื่นเสียเอง
ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 95.9 เห็นด้วยว่า คนเราจะเท่ากัน ต้องเคารพในความเห็นที่ต่างกัน ไม่เป็นเหตุ เปลี่ยนแปลงไปสู่ความแตกแยก ขัดแย้งรุนแรงบานปลาย ในขณะที่เพียงร้อยละ 4.1 เห็นด้วยน้อยถึงไม่เห็นด้วยเลย
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.3 เห็นด้วยว่า คุณค่าความเป็นไทย ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณีเป็นสิ่งที่มีคุณค่ารักษาให้อยู่ร่วมสมัยได้ในทุกยุค เป็นคุณค่าทางจิตใจและเสริมสร้างการมีส่วนร่วม หนุนใจ หนุนพลังต่อกันของคนในสังคม ในขณะที่ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.5 เห็นด้วยว่า ขบวนการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ควรนำวัฒนธรรมและประเพณีไทย ผสมผสานและเข้ากับการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขสู่ความสงบสุขเรียบร้อยของบ้านเมืองและประชาชน
ด้าน ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวด้วยว่า จากผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่า ขบวนการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ที่จะทำให้คนจะเท่ากันต้องเริ่มจากการเคารพและยอมรับความเห็นที่แตกต่างของกันและกัน ถ้าจริงใจต้องทำสิ่งที่ทำให้เกิดการชวนกันทำสร้างสรรค์ไม่ใช่ชวนทะเลาะและนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลาย เพราะ ความหมายหรือสิ่งที่นึกถึงคำว่า “คนเท่ากัน” ของแต่ละคนไม่เหมือนกันและไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทั้งหมด การเคลื่อนไหวของขบวนการเปลี่ยนแปลงต้องไม่นำไปสู่ความแตกแยกของคนในชาติเป็นขบวนการทำลายศรัทธาผู้อื่น
อย่างไรก็ตามน่าสนใจว่า แม้การสำรวจของซูเปอร์โพล ไม่ได้ระบุถึงการชุมนุมของกลุ่มราษฎร ที่ขณะนี้บรรดาแกนนำ และแนวร่วมถูกดำเนินคดีเป็นจำนวนมาก หากศาลตัดสินถึงที่สุดแล้วว่าผิดจริง ก็จะต้องติดคุกคนละหลายสิบปี โดยขณะนี้บรรดาผู้ที่สนับสนุนกำลังรณรงค์ยกเลิกมาตรา 112 กับคนที่ทำผิดหมิ่นสถาบันฯ โดยกลุ่มคนเหล่านี้อ้างถึงสิทธิเสรีภาพ ไม่ยอมรับอีกฝ่ายที่คิดต่าง ที่มีความรักเทิดทูนสถาบันฯ ซึ่งเมื่อแสดงออกถึงการปกป้อง ก็จะถูกโจมตี วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ในขณะที่อ้างถึงความเป็นคนเท่ากัน