แม่เหยื่อม็อบดินแดง ใจสลายสูญเสียลูก ย้อนรอย “ก้าวไกล” เคยโหน แต่ไร้เงาร่วมงานศพ!

1805

สืบเนื่องจากกรณีในทวิตเตอร์ ของ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์ข้อความ เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ระบุว่า “ทราบข่าวร้ายมาว่าวันนี้ เยาวชนที่ถูกยิงหน้าสน.ดินแดง เสียชีวิตแล้ว

หลังโคม่ามานานกว่า 2 เดือน ผมยังจำรอยเลือดของน้องที่ผมเห็นในคืนนั้นได้ ทำไมผู้ที่ต้องต่อสู้เพื่อชีวิตที่ดีกว่า เพื่อยุคสมัยของพวกเขา กลับต้องมาจบชีวิตเสียเอง? ระบอบแบบไหนกัน ที่ทำลายอนาคตของชาติได้อย่างอำมหิตขนาดนี้?

โดยเยาวชนชายอายุ 15 ปี รายนี้ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ขณะร่วมชุมนุม กับกลุ่มทะลุแก๊ส ที่บริเวณหน้าปากซอยประชาสงเคราะห์ 14 ต่อเนื่องถึงหน้า สน.ดินแดง เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา ก่อนถูกส่งเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.ราชวิถี ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุ คือนายชุติพงษ์ อายุ 28 ปี แต่ผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุดังกล่าว

ขณะที่ครอบครัวของน้องผู้เสียชีวิต ได้ทำพิธีสวดพระอภิธรรมที่วัดน้อยสุวรรณนาราม จ.สมุทรปราการ โดย “น้องวาฤทธิ์” ถูกกระสุนปริศนายิงเข้าที่ลำคอ ต้องเข้ารักษาตัวนานกว่า 2 เดือนในโรงพยาบาลก่อนที่จะเสียชีวิต ในขณะที่ไปร่วมชุมนุมทางการเมืองที่สามเหลี่ยมดินแดง เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทราบว่าน้องเรียนอยู่ชั้นม.3 และเป็นลูกชายคนโตของครอบครัว ทั้งนี้บรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีเพียงพวงหรีดของ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพวงหรีดของ สถานีตำรวจนครบาลดินแดง เท่านั้นที่ส่งมาร่วมในงาน แต่ไร้เงาผู้ที่เกี่ยวข้องมาร่วมในงานแต่อย่างใด

นอกจากนี้แม่และพ่อของน้องวาฤทธิ์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดเหตุมาตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2564 ก็ไม่มีใครติดตามมาเลยโดยเฉพาะในเรื่องความคืบหน้าของคดี มีเพียงเมื่อเช้าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อมาสอบถามว่าศพตั้งที่ไหนและชันสูตรน้องที่โรงพยาบาลไหนแค่นั้นเอง แต่เรื่องคดีไม่เคยติดต่อมาบอกเลยว่าคืบหน้าไปอย่างไร น้องเขาไปตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม และก็เกิดเหตุวันนั้นเลย ถูกกระสุนปืนเข้าที่ลำคอข้างขวาเข้าไปโดนก้านสมอง น้องต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาลนานกว่า 2 เดือนกับอีก 12 วัน คือช่วงที่น้องรักษาตัวอยู่อาการตอนแรกเขาลืมตาได้ แต่ทางการแพทย์บอกว่า เขาไม่รับรู้ แต่ตนเชื่อว่าเขารับรู้ได้ เพราะเขาพยายามเหลือบตามองเราอยู่และก็มีน้ำตาไหลออกมา ก็ทำให้เรามีความหวัง ซึ่งทางคุณหมอบอกว่าถ้าเขาฟื้นขึ้นมาช่วงล่างตั้งแต่ลำคอลงมาก็เป็นอัมพาต และน้องพึ่งมาเสียชีวิตตอนตีสอง

ตอนนี้สิ่งที่คาใจ อยากให้จับคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ ซึ่งตอนนี้เราก็มีคำถามอยู่ในใจหลายอย่าง ว่าทำไมก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือนเราไปส่งเอกสารหลาย ๆ หน่วยงาน ที่ทาง ส.ส.พรรคก้าวไกล เขารวบรวมข้อมูลจากกล้องวงจรปิดตนว่ามันเพียงพอที่จะจับคนร้ายได้ แต่ตอนนี้ตนก็ไม่รู้ว่าเขาจับคนร้ายได้หรือยัง เพราะทางตำรวจไม่ได้แจ้งอะไรให้พวกตนทราบเลย แต่เขาไปแถลงว่าจับคนร้ายได้ ซึ่งเราก็คาใจว่าใช่คนร้ายตัวจริงหรือเปล่า เพราะเขาให้การภาคเสธว่าไม่ได้เป็นคนยิง เพราะตอนที่ยิงแนวกระสุนมันมาจากแนวตรงข้ามกะที่น้องล้ม ซึ่งเป็นสน. เพราะคนทั่วไปน่าจะเข้าไปใน สน.ไม่ได้ ซึ่งเราก็ไม่อยากไปโทษทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เป็นคนทำ แต่ว่าเด็กคนหนึ่งเขาเสียอนาคตและสูญเสียชีวิตไปแล้ว มันไม่ใช่แค่เสียชีวิต แต่มันเป็นแผลในใจให้กับครอบครัวของเราทั้งหมด คือครอบครัวเราขาดรอยยิ้มไปรอยหนึ่ง ดวงใจของแม่ขาดไปดวงหนึ่ง ใจแทบจะสลายแล้ว

อย่างไรก็ตามบทเรียนของเหยื่อม็อบดินแดงในครั้งนี้ น่าจะเป็นจุดสะท้อนความสูญเสียและความหลงเชื่อผิด ๆ ที่เด็ก ๆ เยาวชนจำนวนมาก เข้าไปอยู่ในกลุ่มม็อบหัวรุนแรง อีกทั้งยังมีนักการเมืองออกมาหนุนม็อบกลุ่มนี้ แม้กระทั่งในวันเกิดเหตุ ได้ปรากฎภาพของนายพิธาและนายรังสิมันต์ ลงพื้นที่แยกดินแดงเพื่อช่วยเหลือ รวมไปถึงมีแกนนำ 3 นิ้วมากมาย ออกมาประณาม และโยนบาปว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำ แต่เมื่อเหยื่อบาดเจ็บ นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล จนเสียชีวิต ความจริงก็กระจ่างชัดว่า คนที่เคยห้อยโหน นำประเด็นของเด็กไปโพสต์ เพื่อเรียกมวลชนเข้าม็อบ หรือจะเพื่อเจตนาใดก็ตามแต่ สุดท้ายคนเหล่านี้ก็ไม่ได้มาเหลียวแลครอบครัวของเหยื่อ จนทำให้ประเด็นนี้เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์ไปก่อนหน้านี้แล้วว่า หลายคนอยากให้นักการเมือง หรือคนดัง หยุดสนับสนุนม็อบ เพราะยิ่งปลุกระดม ก็เหมือนยิ่งพาลูกคนอื่น ออกมาตายฟรี ติดคุกฟรี