จากที่วันนี้ 12 ตุลาคม 2564 ไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุถึงการส่งคนเข้าชิงนายกของพรรคเพื่อไทยมีนัยยะที่น่าสนใจนั้น
ทั้งนี้ข้อความที่นายไพศาล โพสต์ไว้มีเนื้อหาว่า จับตาเพื่อไทยเสนอชื่อใครเป็นนายก? 1.ถ้าลุงโทนี่ยังเป็นลุงโทนี่คนเดิม ก็คงเสนอผู้คนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดกับคนในครอบครัวเป็นนายกรัฐมนตรี
2.แค่ตำราสอนการบริหารเบื้องต้น เขาก็บอกอยู่แล้วว่า ถ้าเป็นนักบริหารชั้นห่วยแตก ก็จะใช้คนในครอบครัวลูกเมีย ดีขึ้นมาหน่อยก็ใช้ญาติพี่น้อง ดีขึ้นมาอีกก็ใช้เพื่อนฝูง ดีขึ้นอีกก็ใช้คนทั่วไป ถ้าเป็นนักบริหารชั้นยอดก็ต้องใช้ปราชญ์!!! ลุงโทนี่จะเป็นนักบริหารชั้นไหนก็ให้ดูคนที่ลุงโทนี่ใช้ก็จะรู้!!
3.ถ้าเป็นลุงโทนี่คนเดิม ต่อให้จัดทัพเข้าสมรภูมิเลือกตั้ง ได้เสียงเกิน250เสียง ก็ยากที่คนในบ้านจะได้เป็นนายก และในกรณีนี้คุณหญิงสุดารัตน์ก็จะกลายเป็นตัวเต็ง!!!
4.ในสมรภูมิเลือกตั้งทั่วประเทศนั้น พื้นที่ภาคอีสานเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ชี้ขาดแพ้ชนะ ขณะนี้คุณหญิงสุดารัตน์และคุณพิธาคนรุ่นใหม่ได้รับความนิยมใกล้เคียงกันมาก นอกนั้นห่างไม่เห็นฝุ่น!
5.พรรคที่เคยผิดสัญญากับประชาชนในการเลือกนายกหรือในการขายนโยบายหลอกลวง ประชาชนยังจำมั่นอยู่ และคงจะได้รับบทเรียนอย่างสาสมในการเลือกตั้งครั้งนี้!
6.โดยผลจากวิบากกรรมของโคบ้า ที่ประชาชนสาปแช่งกันทั้ง 10 ทิศ จะประมาทพรรคก้าวไกลไม่ได้เด็ดขาด! เพราะผู้ประกอบการทั่วประเทศที่ไม่ต้องการ ประกาศฉุกเฉิน ไม่ต้องการ ศบค. ไม่ต้องการล้อกดาว และต้องการให้บ้านเมืองเป็นปกติ และคนรุ่นใหม่หลายล้านคนจะแห่กันระดมกันไปเทคะแนนให้ เพราะต้องการสั่งสอนพวกที่ ทำให้บ้านเมืองฉิบหาย จนเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า โดยเฉพาะประชนในท้องถิ่นสุดเอือมระอากับนักเลือกตั้งท้องถิ่นจอมโกงกินทั้งหลาย ก็อาจชีตดาวกวาดล้างนักการเมืองขยะ ตกเวทีไปในครั้งนี้
ขณะที่ นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ก็ได้กล่าวถึงกรณี กรณีพรรคพลังประชารัฐ จะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีอีกครั้งว่า เป็นเรื่องภายในของพรรคพลังประชารัฐ จะได้ชัดเจนเลย สุดท้ายขึ้นอยู่กับประชาชน ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ขอให้พรรคพลังประชารัฐเสนอพลเอกประยุทธ์จริงๆ อย่างที่พูดมา อย่าเปลี่ยนคนอื่น เมื่อสถานการณ์พลิกผัน เพราะเชื่อว่าทุกอย่างจะชัดเจนเมื่อมีการเลือกตั้ง หากประชาชนชอบพลเอกประยุทธ์ก็ให้เลือกพลเอกประยุทธ์ และคณะแต่ถ้าใครชอบประชาธิปไตยที่ทุกคนมีสิทธิ์เท่ากันก็ให้เลือกพรรคเพื่อไทย
นอกจากนี้ นายสมคิด ยังกล่าวอีกว่า การที่พลเอกประยุทธ์ประกาศขอโอกาสอีก 5 ปี จะทำให้คนไทยหายจนนั้น ขอให้พิจารณาการทำงาน 7 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล เชื่อว่าประชาชนรู้เช่นเห็นผลแล้วว่า เป็นอย่างไร ดังนั้นขอให้มาสู้กันในสนามการเลือกตั้งว่าประชาชนคิดอย่างไร หากพลเอกประยุทธ์จะลงสนามอีกครั้งก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ถึงเวลานั้นเพื่อไทยจะได้พูดกับประชาชนได้ชัดเจนมากขึ้นว่าการบริหารประเทศผ่านมาประชาชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นหรือไม่อย่างไร
“ส่วนการลงพื้นที่ของคณะรัฐมนตรีนำโดยพลเอกประยุทธ์ ไปตามพื้นที่ต่างๆ เป็นเพียงการไปหาเสียงเท่านั้นไม่ได้ไปช่วยประชาชนอย่างแท้จริง เป็นเพียงการแสดงพลังทางการเมืองของพรรคการเมือง ไปโปรยยาหอม สร้างฝันในอากาศเท่านั้น ประชาชนไม่ได้อะไรจากการลงพื้นที่ของรัฐบาล นอกจากนี้มีการจัดตั้งคนมายกป้ายเชียร์ ยกป้ายให้กำลังใจ มีเพียงเท่านี้ ไม่มีอะไรเลย ไปเพื่อการเมืองมากกว่า จนถึงวันนี้ยังไม่เห็นพลเอกประยุทธ์มีนโยบายเกี่ยวกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างไร หรือแม้แต่การเยียวยาประชาชนก็ยังไม่เกิดขึ้น มีแต่พูดไปวันๆไม่มีอะไรดีขึ้น” นายสมคิด กล่าว