วันชาติจีน เฉลิมฉลองตรงกับวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันหยุดรัฐการในสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อเฉลิมฉลองวันชาติของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2492 ในพิธีที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน
ในเช้าวันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายนได้มีการจัดพิธีที่ยิ่งใหญ่เพื่อเฉลิมฉลองวันผู้เสียสละของจีนก่อนหน้าวันชาติหนึ่งวัน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และผู้นำคนอื่นๆ ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) และรัฐบาลได้เข้าร่วมพิธีที่จัตุรัสเทียนอันเหมินใจกลางกรุงปักกิ่ง เพื่อวางพวงมาลาแด่วีรบุรุษของชาติที่ล่วงลับ ผู้นำระดับสูงจากทุกสาขาอาชีพได้เข้าร่วมในพิธี
ท่ามกลางแรงกดดันจากสหรัฐและพันธมิตรตะวันตก จีนยังคงหยัดยืนด้วยบทบาททางเศรษฐกิจที่นานาชาติทั่วโลกไม่อาจปฏิเสธได้ ภาพสะท้อนที่ชัดเจนล่าสุดคือการท่่ สินทรัพย์จีนยังคงสามารถดึงดูดนักลงทุนทั่วโลกได้อย่างต่อเนื่อง และเศรษฐกิจของจีนส่งผลต่อการเติบโตเศรษฐกิจโลก หรือGDP โลกในขณะที่มหาอำนาจอย่างสหรัฐและยุโรปมีบทบาทถดถอยลงอย่างชัดเจน
ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานผลวิเคราะห์ล่าสุดระบุว่า ในปี 2020 ที่ผ่านมามูลค่าการถือครองหุ้นและพันธบัตรรัฐบาลจีนของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นถึง 40% จากราว 570,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พุ่งขึ้นเป็นกว่า 806,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ข้อมูลของสำนักข่าวบลูมเบิร์กแสดงให้เห็นว่า ยอดการซื้อหุ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ของนักลงทุนต่างชาติปี 2021 มีมูลค่าอยู่ที่ราว 35,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง 49% จากปี 2020 ส่งผลให้ยอดการถือครองหุ้นจีนของนักลงทุนต่างชาติในขณะนี้มีมูลค่ารวมทั้งหมดกว่า 228,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะเดียวกัน ตามข้อมูลของธนาคาร “เครดิต อะกริโคล” ของฝรั่งเศสมูลค่าการถือครองตราสารหนี้รัฐบาลจีนของชาวต่างชาติในปี 2021 ก็สูงกว่า 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นถึง 50% จากปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มูลค่าการถือครองพันธบัตรจีนของชาวต่างชาติรวมในขณะนี้ประมาณ 578,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว และมาตรการของรัฐบาลจีนในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ เป็นปัจจัยสำคัญที่ให้นักลงทุนทั่วโลกยังเชื่อมั่นในสินทรัพย์จีน
แอนดี เมย์นาร์ดนักวิเคราะห์ของธนาคารเพื่อการลงทุนไชน่าเรเนสซองซ์ ระบุว่า “ความเคลื่อนไหวนี้ต่างไปจากมุมมองด้านภูมิรัฐศาสตร์ เพราะในมุมมองด้านการจัดการสินทรัพย์เราไม่สามารถมองข้ามตลาดจีนได้”
ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนยังได้พยายามผลักดันให้สินทรัพย์หยวนเข้าสู่ดัชนีหุ้นและพันธบัตรทั่วโลก ซึ่ง “ฟุตซี รัสเซลล์” (FTSE Russell) ผู้ให้บริการดัชนีรายล่าสุดที่มีแผนรวมตราสารหนี้ของรัฐบาลจีนเข้าไว้ในดัชนีตลาดพันธบัตรทั่วโลกแล้ว
โดย “โนมูระ” (Nomura) วาณิชธนกิจระดับโลกคาดว่าจะส่งผลเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศเข้าสู่จีนอีกกว่า 130,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ความพยายามของรัฐบาลจีนในการควบคุมบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง “แอนต์ กรุ๊ป” ในเครืออาลีบาบา หรือล่าสุดกรณีของ “ตีตี ชูสิง” ผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นไรด์ เฮลลิ่งรายใหญ่ของจีนที่มีคำสั่งให้ลบแอปพลิเคชั่นออกจากแอปสโตร์ทันที หลังบริษัทได้ขายหุ้นไอพีโอในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ยังส่งผลให้นักลงทุนมองเห็นความเสี่ยงในภาคเทคโนโลยีโดยเฉพาะบริษัทจีนที่จดทะเบียนในต่างประเทศ
ความเสี่ยงเหล่านี้เป็นเหตุผลที่ทำให้นักลงทุนทั่วโลกหันไปสนใจหุ้นจีนในภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ มากขึ้น
โทมัส เกตลีย์ นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัย กาฟคาล ดราโกโนมิกส์ ระบุว่า ภาคเทคโนโลยีของจีนกำลังสูญเสียความนิยม นักลงทุนต้องการเข้าถึงหุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ ของจีนมากขึ้น ซึ่งนักลงทุนต่างชาติสามารถเข้าถึงหุ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ได้ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิต ผ่านตลาดหุ้นฮ่องกงที่เชื่อมโยงกับเซี่ยงไฮ้และเสิ่นเจิ้น
แมนซอร์ โมฮิอุดดิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของแบงก์ออฟสิงคโปร์ระบุว่า พันธบัตรรัฐบาลจีนในเวลานี้ให้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ของสหรัฐถึง 1.5% ส่งผลให้พันธบัตรจีนเป็นที่ดึงดูดของบรรดานักลงทุนมากกว่า ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นความแข็งแกร่งของจีนในระบบเศรษฐกิจโลกที่ไม่อาจมองข้ามได้