หลังจากที่ทางด้านพล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงการชุมนุมใน 2 พื้นที่หลัก บริเวณแยกดินแดง และแยกนางเลิ้ง ว่ายังคงมีการนัดชุมนุมของกลุ่มทะลุฟ้า
โดยคาดอีกไม่กี่วันจะมีการใช้มาตรการทางกฎหมายให้เข้มข้นมากขึ้น หลังมีการประสานหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมอื่น ๆ ควบคู่กับการปรับยุทธวิธีให้เข้ากับสถานการณ์ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง
โดยพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้คำแนะนำกับ พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น. ว่าที่ ผบช.น.คนใหม่ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างเข้มแข็งต่อเนื่อง และยืนยันว่า ตำรวจสามารถควบคุมได้ ยังไม่จำเป็นต้องขอกำลังทหารเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงปัจจุบันมีคดีที่เกี่ยวกับการชุมนุม 236 คดี มีผู้อยู่ในข่ายจะต้องถูกดำเนินคดี 878 คน สามารถจับได้แล้ว 633 คน
ล่าสุดที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล คนที่ 51 เข้าสักการะพระอนุสาวรีย์พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร กรมพระนเรศวรฤทธิ์ อนุสาวรีย์ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาล ก่อนมีพิธีรับ -มอบหน้าที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จาก พล.ต.ท.ภัคพงษ์ พงศ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่จะเกียษณอายุราชการ โดยมีการส่งมอบธงประจำหน่วย และแฟ้มภารกิจให้กับพล.ต.ต.สำราญ
ทั้งนี้พล.ต.ต.สำราญ ได้เปิดใจว่า รู้สึกภาคภูมิใจที่มีโอกาสรับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และจะสานงานต่อจากพล.ต.ท.ภัคพงษ์ ที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจ จนงานหลายอย่างสำเร็จลุล่วงด้วยดี ซึ่งส่วนตัวจะคงแนวทางที่ดีดังเดิม รวมถึงการดูแลบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มผู้ชุมนุม ที่มีแนวทางไว้อยู่แล้ว พร้อมมุ่งมั่นพัฒนางานด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
ในโอกาสนี้ พล.ต.ท.ภัคพงษ์ กล่าวอำลากำลังพล พร้อมแสดงความยินดีและเชื่อมั่นว่า พล.ต.ต.สำราญ ที่เติบโตมาในตำแหน่งหน้าที่ภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ ทุ่มเท ตั้งใจทำงาน มีผู้ความเป็นผู้นำ เข้าใจผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมทำงานได้ทันที รวมถึงขอบคุณสื่อที่นำเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมา โดยส่วนตัวดีใจ และโชคดี ได้รับความเชื่อใจให้ดำรงตำแหน่งนี้ มาตลอด 2 ปี และหากมีส่วนใดบกพร่อง ก็ต้องขออภัยด้วย
ขณะที่การขึ้นมารับตำแหน่ง ผบช.น. คนใหม่ ที่ทราบกันดีว่า พล.ต.ต.สำราญ จะมารับช่วงต่อ และสานงานเก่า รวมทั้งมีประเด็นเรื่องจัดการกับกลุ่มม็อบที่น่าสนใจ เพราะใคร ๆ ก็ทราบดีว่า พล.ต.ต.สำราญ นั้น ถือเป็นตัวเต็งที่จะได้ขึ้นมารับตำแหน่งดังกล่าว และยังอายุน้อย ปัจจุบันอายุ 48 ปี เส้นทางในการทำงานตำรวจ มีผลงานเด่นชัด และถือเป็นสายแข็งที่สุดในรุ่นเดียวกันด้วย เป็นนักเรียนตำรวจรุ่น 50 ตั้งแต่เป็น ผลงานที่ผ่านมา มีทั้งสว.งานสายตรวจ 2 รอง ผกก.สายตรวจ เป็น ผกก.สายตรวจ กระทั่งขึ้น เป็น รอง ผบก.การสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 ก้าวกระโดดแซงหน้าเพื่อน ๆ อย่างมาก
รวมทั้งมีแบ็คดี ผู้ใหญ่เมตตา และทำผลงานดีต่อเนื่อง เช่น ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกรูปแบบตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นการระดมปิดล้อมชุมชนเพื่อกวาดล้างยาเสพติด การลักลอบจำหน่ายยาเสพติดโดยส่งทางไปรษณีย์และบริษัทขนส่งเอกชน การปราบปรามการปล่อยเงินกู้นอกระบบ, การปราบปรามการค้ามนุษย์ และการจับกุมหมายจับค้างเก่า คดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ และคดีที่เป็นที่สนใจของประชาชน ฯลฯ และคดีดังระดับประเทศอีกมากมาย ก่อนจะเข้าไปครองตำแหน่ง รองผบช.น. ในปี 2562 นั้น ได้เป็น ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 มาก่อน ซึ่งปฏิบัติงาน การถวายอารักขาและถวายความปลอดภัยแด่องค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ รวมทั้งเป็นหน่วยสนับสนุนการปฏิบัติงานของตำรวจท้องที่ ในการอำนวยความสะดวก และบริการประชาชนเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมได้รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ เป็นไปตามกรอบของบทบัญญัติทางกฎหมาย
อย่างไรก็ตามพล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. ได้คอนเฟิร์มไว้แล้วว่า แม้จะอยู่ในช่วงต้องปรับเปลี่ยน รับตำแหน่งใหม่ แต่ผบช.น. คนใหม่ ก็พร้อมลุยงานต่อทันที โดยเฉพาะการจัดการกับกลุ่มม็อบ ที่ตอนนี้มี 2 จุดใหญ่ คือแยกดินแดงและแยกนางเลิ้ง ส่วนกลุ่มอื่น ๆ ก็จะโดนดำเนินคดีด้วย น่าจับตามองว่าครั้งนี้บรรดาม็อบและลิ่วล้อ ต้องเจอกับผบช.น. สายโหด ที่พร้อมเอาจริง เล่นหนักกว่าเดิม อาจจะถึงเวลาต้องจบเกมแล้วจริง ๆ