สัญญาณการคืนสู่สันติภาพระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ มีขึ้นเมื่อฝ่ายเกาหลีใต้เอ่ยในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ขอ“ยุติสงครามระหว่าง 2 ชาติเกาหลี” เป็นทางการ แต่เกาหลีเหนือออกมาปัดทันควัน โดยชี้ว่า อาจเป็นแค่การทำเพื่อกลบเกลื่อนนโยบายที่ไม่เป็นมิตรของสหรัฐฯ ต่อเปียงยางเท่านั้น และการกล่าวถึงการปลอดอาวุธนิวเคลียร์ก็ต้องเป็นจริงต่อทุกฝ่ายไม่ใช่ ชี้มาที่เปียงยางฝ่ายเดียว แม้ล่าสุดน้องสาวคิม จองอึนแห่งเกาหลีเหนือจะเปิดท่าทีว่าพร้อมจัดประชุมสุดยอดซัมมิตระหว่าง 2 เกาหลีเพื่อฟื้นฟูสัมพันธ์ก็ตาม
แถลงการณ์ต่อหน้าผู้นำทั่วโลกที่การประชุมใหญ่องค์การสหประชาชาติเมื่อต้นสัปดาห์เมื่อวันอังคาร (21) ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มุน แจ-อิน ประกาศย้ำถึงการเรียกร้องให้มีการแถลงยุติสงครามเกาหลีอย่างเป็นทางการ โดยชี้ว่า เพื่อช่วยนำไปสู่การปลอดอาวุธนิวเคลียร์และนำสันติภาพถาวรมาสู่คาบสมุทรเกาหลี ทั้งนี้ สงครามเกาหลีเกิดขึ้นระหว่างปี 1950-1953 และทั้งสองชาติในทางปฏิบัติทำสัญญาสงบศึกชั่วคราวแล้ว โดยไม่ได้ลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพถาวร
โดยในรายงานของสำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือที่รายงานคำแถลงของรี แต ซอง (Ri Thae Song) ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือในวันศุกร์ (24) ออกมาปฏิเสธทันทีโดยมีใจความว่า “มันสมควรเป็นความเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การแถลงประกาศยุติสงครามมันไม่ช่วยอย่างสิ้นเชิง ต่อการมีเสถียรภาพของภูมิภาคคาบสมุทรเกาหลีในเวลานี้ แต่มันสามารถถูกใช้อย่างผิดๆ เพื่อกลบเกลื่อนต่อนโยบายที่ไม่เป็นมิตรของสหรัฐฯเท่านั้น”
รี ยังชี้ไปถึงอาวุธยุทโธปกรณ์และการประจำการของทหารสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้และการฝึกซ้อมอย่างเป็นระยะของกองกำลังสหรัฐฯ ภายในภูมิภาค “ทุกสิ่งนั้นชี้ไปถึงนโยบายที่เป็นปฏิปักษ์ของสหรัฐฯ ที่มุ่งร้ายต่อเกาหลีเหนือ” และเปียงยางยังตอกประเด็นไปถึงการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือที่ยาวนานภายใต้การนำของสหรัฐฯ นั้นเป็นข้อพิสูจน์ได้ดีถึงการเป็นปปักษ์ของสหรัฐฯ ต่อเกาหลีเหนือ
ล่าสุดวันที่ 26 ก.ย2564 สำนักข่าวอัลญาซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์ รายงานว่า คิม โย จอง (Kim Yo Jong)น้องสาวประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน แถลงในวันเสาร์ที่ 25 ก.ย.2564 ถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการจัดประชุมซัมมิตระหว่าง 2 ชาติเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้เกิดขึ้น ถือเป็นการส่งสารครั้งที่ 2 ของผู้นำเบอร์ 2 ของประเทศภายใน 2 วันที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ในวันศุกร์ที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมาพบว่าคิมได้ออกมาเรียกร้องให้โซลยุตินโยบายเป็นปฎิปักษ์ต่อเปียงยางหลังจากที่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มุน แจ-อิน ออกมาผลักดันให้มีแถลงสิ้นสุดสงครามเกาหลีอย่างสมบูรณ์
ในแถลงการณ์ของน้องสาวผู้นำเกาหลีเหนือ ที่รายงานผ่านสำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือ KCNA คิม โย จอง กล่าวว่า “ดิฉันคิดว่ามีเพียงแต่การไม่มีอคติและการมีทัศนคติของการเคารพซึ่งกันและกันยังคงอยู่เท่านั้น ที่จะสามารถสานสัมพันธ์แห่งความเข้าใจระหว่างฝั่งเหนือและฝั่งใต้ได้”
นอกจากนี้เธอยังชี้ว่า ทั้งการประชุมซัมมิตรวมไปถึงการหารืออื่นๆเพื่อการประกาศการยุติสงครามสามารถถูกจัดได้โดยเร็วผ่านการเจรจาที่สร้างสรรค์ และยังกล่าวย้ำถึงการเรียกร้องให้เกาหลีใต้ยุติความเป็นสองมาตรฐานอย่างไม่ยุติธรรม โดยโยงไปถึงการออกมาวิจารณ์ของมุน เรื่องการปล่อยขีปนาวุธของเกาหลีเหนือล่าสุด
คิม โย จองกล่าวว่า “ดิฉันรู้สึกว่าบรรยากาศของสาธารณะในเกาหลีใต้มีความต้องการที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติเกาหลี จากที่เคยมีความขัดแย้งและเพื่อนำไปสู่เสถียรภาพอย่างสันติโดยเร็วที่สุดนั้นเด่นชัดมาก” และเธอย้ำว่า “เราต่างก็มีความปรารถนาอันเดียวกัน”
หลังจากที่น้องสาวผู้นำเกาหลีเหนือออกมาโยนหินถามทางแล้ว ทางโซลได้ออกมาแสดงความยินดีตอบรับในวันอาทิตย์ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยกระทรวงรวมชาติเกาหลีใต้แถลงว่า จะดำเนินการอย่างรวดเร็วสำหรับการเจรจาร่วมกันกับเกาหลีเหนือ พร้อมกับย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องยังคงให้มีสายด่วนระหว่างกันยังคงอยู่ต่อไป
ความจริงแล้วเกาหลีเหนือต้องการสิ้นสุดสงครามมาเป็นเวลาหลายสิบปี แต่ทว่าสหรัฐฯซึ่งเป็นผู้นำกองกำลังสงครามเกาหลีในเวลานั้นยังคงลังเล เว้นแต่เกาหลีเหนือจะยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของตัวเองเสียทั้งหมด
ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือออกมาปฎิเสธข้อเรียกร้องของสหรัฐฯโดยขอให้สหรัฐเลิกการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจก่อนการเจรจาซัมมิต แต่สหรัฐปฏิเสธ และจัดการซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้ ทำให้เกิดความตึงเครียดขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดผู้อำนวยการทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ IAEA (International Atomic Energy Agency)ออกมาเปิดเผยว่า โครงการอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือกำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่ ไม่รอการรื้อฟื้นการเจรจาครั้งใหม่