รพ.ทหารผ่านศึก แถลง ผู้ชุมนุมอย่าบุกเข้ามา!มีคนไข้รักษาอยู่ ขอเปิดทางผู้ป่วยฉุกเฉินด้วย!
จากกรณีที่มีการนัดหมายชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊สบริเวณแยกดินแดง ซึ่งมีการใช้ความรุนแรง และปะทะกับเจ้าหน้าที่อยู่หลายครั้ง ก่อนบางส่วนเคลื่อนย้ายไปทางถนนวิภาวดีบริเวณหน้ากรมดุริยางค์ทหารบก และถนนมิตรไมตรี และมีการปะทะในสองจุดนี้เป็นหลัก
ต่อมาทางด้าน โรงพยาบาลทหารผ่านศึก โดย นพ.กำพล เมืองแสน ผอ.รพ.ทหารผ่านศึก พร้อมด้วย นายสหรัฐ คล้ายเพชร หัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัย รพ.ทหารผ่านศึก และ น.ส.ศศิรินทร์ ชวพรธนานนท์ ผอ.กองการพยาบาล รพ.ทหารผ่านศึก ร่วมแถลงข่าวกรณีโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมบริเวณแยกดินแดงว่า
ขอวิงวอนผู้ชุมนุมยึดแนวทางสันติ ไม่ใช้ความรุนแรง เพราะการชุมนุมที่ผ่านมายอมรับว่ากระทบเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลและประชาชน เนื่องจากคนไข้ที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เมื่อรักษาเสร็จสิ้นก็จำเป็นต้องเดินทางกลับที่พัก รวมถึงเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่ปฏิบัติหน้าที่เข้าเวร ดูแลผู้ป่วย ก็ไม่สามารถเดินทางออกจากโรงพยาบาลได้เพราะมีการชุมนุมบริเวณโดยรอบ
ทั้งนี้ ขอให้ผู้ชุมนุมเปิดทางให้ผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ป่วยประจำได้สัญจรผ่านโรงพยาบาลตามปกติ อีกทั้งโรงพยาบาลยังตั้งอยู่ระหว่างกลางพื้นที่การชุมนุม จำเป็นต้องรับมือกับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ส่วนด้านการรักษาความปลอดภัย อยากเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมอย่าเข้ามาในโรงพยาบาล เพราะเป็นสถานที่ทางราชการ เป็นสถานที่ที่ใช้รักษาผู้ป่วย ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองแต่อย่างใด
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่า รพ.ทหารผ่านศึกจะได้รับผลกระทบจากการแถลงข่าวในวันนี้ เพราะชื่อโรงพยาบาล นพ.กำพลกล่าวว่า แม้จะชื่อโรงพยาบาลทหารผ่านศึก แต่เป็นโรงพยาบาลรัฐ ไม่ใช่ของเหล่าทัพ และเชื่อว่าผู้ชุมนุมเข้าใจในส่วนนี้
ด้านนายสหรัฐกล่าวว่า ที่ผ่านมาเมื่อมีการชุมนุมจะมีสิ่งไม่พึงประสงค์หลุดเข้ามาในโรงพยาบาลบ้าง แต่ยังไม่มีระเบิด ทั้งนี้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรมดุริยางค์ทหารบก ขอให้ผู้ชุมนุมลดความรุนแรง เพราะทำให้ผู้อยู่อาศัยบริเวณที่ชุมนุมเดือดร้อนอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม การชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊ส ก่อนหน้านี้ได้มีการชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ต่อมาได้มีการชุมนุมที่บริเวณกรมดุริยางค์ทหารบก มาตั้งแต่วันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา มีการยิงพลุ ปาประทัด เข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อยั่วยุเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ป่วยที่นอนรักษาตัวอยู่ภายในโรงพยาบาลได้รับความเดือดร้อน รวมไปถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ ก็ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่