หมดประโยชน์ก็เขี่ยทิ้ง!? สามกีบโหน “ลูกนัท” สุดตัว ปั่นกระแสม็อบ ทิ้งเด็ก 14 มือขาดใช้ชีวิตลำบาก!!

1910

หลังจากที่นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ลูกนัท ออกมาร่วมม็อบกับกลุ่มทะลุฟ้า ซึ่งเป็นเครือข่ายม็อบ 3 นิ้วอีกกลุ่มหนึ่งนั้น ถือเป็นการออกมาเคลื่อนไหวภายหลังจากเข้ารักษาตาขวาที่บาดเจ็บ

และก่อนหน้านี้ เจ้าตัวได้แจ้งว่าตาขวาจะบอดสนิท แม้จะรักษาอีกนาน 6 เดือนก็ตาม แต่ยังคงใจสู้ ขอออกมายืนเคียงข้างประชาชน ทำให้นาทีนี้ ชื่อของลูกนัท กำลังได้รับกระแสชื่นชมจากกลุ่มม็อบ 3 นิ้วอย่างมาก ยิ่งลูกนัทออกมาแต่งกาย ที่มีลักษณะจงใจล้อเลียนเบื้องสูง ยิ่งทำให้คะแนนนิยมกำลังมาแรง ถูกอกถูกใจกลุ่มมวลชน 3 นิ้ว เป็นที่สุด

ก่อนหน้านี้ที่ลูกนัทประกาศว่า ครอบครัวได้ตัดขาดตนเอง เพราะตนเองต้องการเดินหน้ายกเลิกม.112 ก่อนที่จะออกมาร่วมคาร์ม็อบ และชูป้ายว่ารัฐบาล ที่บริหารล้มเหลวจนคนที่เป็นสลิ่มอย่างเขากลับใจได้ ในช่วงแรกกลุ่ม 3 นิ้วก็ยังไม่มีทีท่าจะชื่มชมลูกนัทมากนัก จนเมื่อถึงเหตุการณ์ม็อบ 13 สิงหา ที่ลูกนัทถูกยิงเหนือคิ้ว และทำให้ตาขวาบาดเจ็บนั้น กลุ่มม็อบได้ปั่นข่าวอย่างรวดเร็วว่า เป็นฝีมือเจ้าหน้าที่ตำรวจ

โดยในเวลาต่อมามีการยืนยันจากบช.น. ว่าไม่ใช่แก๊สน้ำตาแน่นอน รวมทั้งประเด็นเรื่องตาบอดของลูกนัท กลับเป็นเรื่องใหม่ที่ม็อบนำมาโหนโจมตีเจ้าหน้าที่ ว่าการออกมาเรียกร้องแบบสันตินั้น มีราคาที่ต้องจ่ายมากถึงดวงตาข้างหนึ่งเลยหรือ จนเรื่องนี้กลบประเด็นข่าวของเด็กวัย 14 ปี ที่พลาดขวางระเบิดไม่พ้น จนมือขาดไปสิ้น

สะท้อนให้เห็นว่าตอนนี้กลุ่มม็อบกำลังได้ใจ และมีตัวละครใหม่ให้ได้โหนเล่นปั่นกระแส เพราะลูกนัท หลังจากที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการแต่งกาย รวมทั้งพกพร็อบต่าง ๆ มานั้น ทำให้เจ้าตัวเริ่มจะพูดถึงสถาบันฯแบบชัดเจนมากขึ้น แม้ว่าเรื่องนี้จะทำให้แตกหักกลับครอบครัวมาแล้วก็ตาม โดยมีการแท็กหานายสมศักดิ์ เจียม , ตอบข้อความของนายปวิน ผู้ต้องหาลี้ภัยทางการเมือง ที่หนุนยกเลิกมาตรา 112 อีกทั้งยังมีคอมเม้นต์ที่พลาดตอบคนติดตามในทำนองว่า ที่จริง ๆ แล้วก็ตั้งใจจะใส่แว่น แต่ติดที่ผ้าพันแผลที่ตา มันเลยใส่ไม่ได้ การเคลื่อนไหวของลูกนัทเรียกว่าไม่แผ่ว ทำให้ได้ใจสามกีบกันอย่างทั่วหน้า

ขณะที่เรื่องราวสุดเศร้าของเด็กวัย 14 ปี ที่มือขาดจากระเบิด ทราบว่ายังไม่มีหน่วยงานไหน หรือใครที่เกี่ยวข้องกับม็อบ 3 นิ้ว ที่น้องออกไปชุมนุม อาสายื่นมือมาช่วย ซึ่งหากย้อนไปฟังคำสัมภาษณ์ของแม่เด็ก ที่ได้เปิดใจกับ Top News ได้ระบุว่า ไม่เคยรู้มาก่อนว่าลูกชายมีแนวคิดรุนแรง หรือเข้าไปมีส่วนร่วมกับม็อบเยาวชน เพื่อกระทำการขับไล่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะนิสัยส่วนตัว ลูกชายเป็นคนเงียบเรียบร้อย ไม่พูดไม่จากับใคร และไม่เคยแสดงความคิดเห็นทางด้านการเมืองให้ได้ยิน …เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจึงรู้สึกเสียใจมาก เพราะนอกจากจะเสียมือซ้ายไป 1 ข้าง ยังต้องเผชิญกับการติดเชื้อโรคระบาด โควิด 19 จึงอยากขอใช้เวลาดูแลลูกชายเงียบ ๆ เพียงลำพัง

และพื้นเพของเด็ก ก่อนหน้านี้ทราบว่าอาศัยอยู่กับยายย่านสำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ เนื่องจากพ่อแม่แยกทางกัน โดยมีแม่ซึ่งทำอาชีพเป็นแม่ค้า พนักงานขายสินค้าในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ทำหน้าที่ส่งเสียเลี้ยงดู ก่อนที่ยายจะติดต่อไปยังแม่ให้กลับมาดูแลลูกอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ของลูกนัท และเด็กวัย 14 รายนี้ มีส่วนที่เหมือนกันในช่วงแรก ที่ทำให้ม็อบ 3 นิ้วนำมาโหนเป็นกระแสโจมตีเจ้าหน้าที่ได้ ว่าเด็กถูกตำวจยัดระเบิดใส่มือ แต่จากหลักฐานก็ประจักษ์ชัดเจนว่า เด็กนั้นพลาดเอง พอรู้แบบนี้กลุ่มม็อบกลับไม่กล้าปั่นกระแสต่อ ไม่มีการพูดถึงว่าจะช่วยเหลือเยียวยาเด็กอย่างไร เอาแต่บอกว่าคนที่หัวรุนแรงไม่ใช่คนในกลุ่มเรา เมื่อเทียบกับกรณีของลูกนัท ที่มีความน่าสนใจในตอนนี้ และยังมีการเคลื่อนไหวพาดพิงสถาบันฯ ทำให้กลุ่มม็อบได้มีตัวละครใหม่ไว้โหนไปปั่นกระแสอีกครั้ง จนลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่งเคยมีเด็กวัย 14 ปี พลาดถูกระเบิดจนมือขาดในม็อบ