คนไทยรู้ทัน!? โพลชี้ชัด ปชช.เชื่อ มีแก๊งเบื้องหลังปั่นให้รุนแรง รับเงินต่างชาติ เปิดทางเข้าฮุบผลประโยชน์ประเทศ!?
จากกรณีที่สถานการณ์การชุมนุมของหลายกลุ่มไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคณะราษฎร กลุ่มคาร์ม็อบและกลุ่มทะลุฟ้า ที่มีการนัดชุมนุมตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งก็มีการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ชุมนุมแทบจะทุกครั้ง ทั้งนี้ ยังมีการออกมาเปิดเผยว่า ในการชุมนุมมีการใช้ระเบิดเพื่อตอบโต้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยังมีเด็กเข้าร่วมการชุมนุม ทำให้ได้รับบาดเจ็บหลายราย
ล่าสุดทางด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ขบวนการสมประโยชน์ หลังม็อบ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศโดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ จำนวน 1,132 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 16 – 20 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา
เมื่อถามถึง กลุ่มต่าง ๆ เบื้องหลังความรุนแรงบานปลายทุกวันนี้ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.9 ระบุ นักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐบางคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียอำนาจและผลประโยชน์ รองลงมาคือร้อยละ 94.7 ระบุ พรรคการเมืองบางพรรค ร้อยละ 93.6 ระบุ แกนนำม็อบบางคน ร้อยละ 93.2 ระบุกลุ่มเอ็นจีโอบางกลุ่มรับเงินต่างชาติมาป่วน และร้อยละ 90.8 ระบุกลุ่มต่างชาติที่ต้องการเข้ายึดครองทรัพยากรชาติและผลประโยชน์ประเทศไทย
นอกจากนี้ ร้อยละ 86.8 รับรู้มีพรรคการเมืองขัดแย้งกัน ซัดกันไปมา ประชาชนหมดหวังพึ่ง ร้อยละ 84.3 รับรู้มีกลุ่มเคลื่อนไหวต่าง ๆ ผสมโรงสร้างความรุนแรงทำลายจิตใจของประชาชน และร้อยละ 81.2 รับรู้ มีกลุ่ม เอ็นจีโอ รับทุนต่างชาติเคลื่อนไหวทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.3 รู้และเชื่อว่ามีอยู่จริง ขบวนการเบื้องหลังปั่นม็อบรุนแรง รับเงินต่างชาติเข้ายึดครองทรัพยากรและผลประโยชน์ของประเทศและคนไทย ในขณะที่ร้อยละ 6.7 ไม่รู้ไม่ทราบ อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.1 ไม่สนับสนุน ขบวนการทำลายชาติทั้งที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลังม็อบรุนแรง ในขณะที่ร้อยละ 6.9 สนับสนุน
ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.1 ระบุเรื่องเร่งด่วนที่สุดที่ทุกฝ่ายทุกภาคส่วนต้องช่วยกันคือ ความร่วมมือกันของคนไทยและต่างชาติ ทำให้บ้านเมืองสงบสุข ไม่วุ่นวาย ไม่รุนแรง กลับคืนสู่สภาพปกติสุขโดยเร็ว ในขณะที่ร้อยละ 3.9 ไม่เห็นด้วย
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่รับรู้และเข้าใจภาพมากขึ้นและชัดขึ้นถึงเบื้องหลังความรุนแรงป่วนเมืองภาพใหญ่ การปะทะของมหาอำนาจ 2 ขั้วต่อการแย่งชิงผลประโยชน์ในหลายภูมิภาคและมีผลตรงต่อประเทศเล็ก ๆ โดยสำแดงให้เห็นผ่านความวุ่นวายขัดแย้งกันเองภายในประเทศที่ผ่านมา ประชาชนส่วนใหญ่รับรู้และต่อภาพได้ถึงอิทธิพลการเมืองระหว่างประเทศและการสนับสนุนเงินทุนผ่านกลุ่มเอ็นจีโอบางกลุ่มมาป่วนชาติ
มีนักการเมือง ข้าราชการ กลุ่มทุนและกลุ่มอุดมการณ์ร่วมสมประโยชน์ในเป้าหมายย่อยประชาชนถูกใช้เป็นเครื่องมือซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการป่วนเมืองสร้างความโกรธเกลียดใช้ความรุนแรงต่อกันก่อเกิดผลกระทบทวีคูณของความโกรธแค้นกัน ทำลายรากฐานเสาหลักของชาติ จนอาจเกิดวัฏจักรแห่งซากปรักหักพังและความสูญเสียซ้ำซาก เกิดภาพจลาจลปะทะกันเองเกินการควบคุม จนทุกเสาหลักของชาติอ่อนแอลงอย่างน่าเป็นห่วง นำสู่การเรียกแขกร้องขอต่างชาติเข้ามาเปลี่ยนแปลงแก้ไข สุดท้ายปลาใหญ่เอาไปกินรวบ
“ประชาชนส่วนใหญ่ ยังสะท้อนไม่เอาด้วยกับขบวนการดังกล่าวและไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงป่วนเมือง การปั่นกระแสสร้างภาพรุนแรงเกินเหตุจึงอ่อนไหวและน่าเป็นห่วงยิ่งในขณะที่การระบาดของโรคยังรุนแรงมีผู้คนติดเชื้อจำนวนมากและเสียชีวิตรายวัน การร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกันจึงเป็นทางออกที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม ปัญหาความเหลื่อมล้ำสั่งสมที่เป็นรากเหง้าในสังคมที่มีอยู่และเป็นจุดกดทับร่วมต้องถูกเร่งแก้ไขโดยเร็วที่สุดด้วยความจริงใจเพื่อลดเงื่อนไขความเหลื่อมล้ำทางสังคมชนชั้น ผ่านการพูดคุยกันทุกระดับอย่างกว้างขวางและตกผลึกเป็นที่ยอมรับของส่วนใหญ่นำสู่การแก้ไขอย่างเป็นระบบและเป็นรูปธรรม เพื่อไม่ให้สถานการณ์ความขัดแย้งรุนแรงบานปลาย ถูกปั่นหัวซ้ำซากต่อเนื่อง จนประเทศไทยกลายเป็นเมืองขึ้นยุควิถีใหม่ของการล่าอาณานิคมของชาติมหาอำนาจ (New Normal of the Super Power’s Colonization) ที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ทันได้ปรับตัว”