งบ 2 พันล้านทำงานเพื่อคนไทย? โผล่อีก “สื่อล้มเจ้า” ภาพ “ผอ.ไทยพีบีเอส” เปิดรั้วต้อนรับ “ไผ่ ดาวดิน” คำพูดชัดหนุนเสรีภาพ ยืนข้าง 3 นิ้ว

7938

หลังจากที่ได้มีการชำแหละที่มาของ “สื่อล้มเจ้า” สืบเนื่องจากการรายงานข่าวของ The MATTER ที่ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ @thematterco ระบุว่า “มีประชาชนจำนวนหนึ่ง ที่ถูกควบคุมตัวจากเมเจอร์รัชโยธิน อยู่ในรถควบคุมตัวตำรวจ หลังถูกสกัดรถ

และเจ้าหน้าที่คนขับหายไป โดยประชาชนที่อยู่ในรถนั้นยังไม่หลบหนีออกมา เพราะกลัวผิดกฎหมาย ขณะที่มีการเปิดประตูเพื่อระบายอากาศเข้าไป” ทั้งที่ในความเป็นจริง กลุ่มคนที่ถูกควบคุมตัว ได้หนีออกมา และเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังการชุมนุมยุติลง เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 6 มี.ค. ที่ผ่านมา

ทำให้ต่อมามีการวิพากษ์วิจารณ์การรายงานข่าวของ The MATTER ว่าบิดเบือนไม่นำเสนอความจริง เพราะมีรายงานว่า คนที่ถูกคุมขังในรถ มีการทุบรถ และรุมทำร้ายเจ้าหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บ การ์ดของกลุ่มวีโว่ พกอาวุธเข้ามาชุมนุม และใช้กุญแจตัดชิงตัวผู้ต้องหาด้วย

เมื่อสื่อ IO ฝั่งม็อบลมุ้งมิ้งทำงาน ก็รายงานข่าวประมาณนี้

1. การ์ดวีโว่ กลายเป็น ประชาชน

2. จนท.ถูกม็อบทุบหัวแตก ต้องไปทำแผล กลายเป็น จนท.คนขับหายไป

3. หนีลงจากรถจนเกลี้ยง กลายเป็นยังอยู่ในรถไม่หลบหนี

4. ทุบรถตัดกุญแจ งัดประตู กลายเป็น เปิดประตูเพื่อระบายอากาศ

ทั้งนี้ที่ผ่านมายังพบว่า หลายครั้งที่มีการชุมนุม The MATTER จะไม่รายงานข่าวตามความจริง เช่น บอกว่าการชุมนุมหน้าศาลอาญาเป็นการมารวมกันโดยสันติวิธี ปราศจากอาวุธ แต่แท้จริง การ์ดม็อบ และมวลชนปลอมมีการพกอาวุธ ก้อนหิน ค้อน เข้ามาด้วย นอกจากนี้ยังมีข้อความที่สื่อสารให้คนติดตามเข้าใจผิดว่า “มีการนำขยะมาทิ้งที่หน้าศาลอาญา” ทั้งที่เมื่อตรวจสอบดูจะพบว่า คือภาพำพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงร.9 และ ร.10

ล่าสุดพบว่า มีสื่อล้มเจ้าโผล่มาอีกหนึ่งราย เมื่อในเพจเฟซบุ๊ก ซึ่งต้องพิสูจน์ ได้รายงานระบุว่า “6 มี.ค. 64 กลุ่มมวลชน ที่จัดกิจกรรม “เดินทะลุฟ้า” เข้าไปพักใน TPBS โดยทาง TPBS เป็นผู้อนุญาต เเละมี “นายสมเกียรติ จันทรสีมา” ผอ.สำนักเครือข่ายสื่อสาธารณะ TPBS ให้การต้อนรับ “ไผ่ ดาวดิน”

 


โดยทางด้านนายสมเกียรติ จันทรสีมา ผอ.สำนักเครือข่ายสื่อสาธารณะ TPBS ได้ให้สัมภาาณ์ในกรณีนี้ไว้ดังนี้

ด้านนายสมเกียรติ จันทรสีมา ผู้อำนวยการสำนักเครือข่ายสื่อสาธารณะ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กล่าวถึงการเปิดพื้นที่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมแวะพักว่า พื้นที่สาธารณะเป็นพื้นที่กลาง ให้กับทุกกลุ่มนี่ก็เป็นหน้าที่เราต้องช่วยดูแลให้ประชาชนมีประกันเสรีภาพในการแสดงออก แต่อีกด้านก็พยายามจะช่วยดูแลเรื่องของความปลอดภัยด้วย

“ในแง่ของการชุมนุมที่ผ่านมาทางกลุ่มดำเนินการราบรื่นมาโดยตลอด กลุ่มที่เข้ามาเราก็เห็นเป็นประชาชนที่เขามีความเดือดร้อนอยู่ หน้าที่เรา เราต้องเป็นเสียงหนึ่งให้กับคนในสังคมได้รับรู้ว่ามีคนที่เขาเดือดร้อนจากเหตุการณ์ อาจจะเอาเสียงของภาครัฐหรือคนที่เกี่ยวข้องมาตอบให้กับเขาด้วย”

 


ทั้งนี้ จากข้อมูลกรรมการนโยบาย ส.ส.ท. หรือ ไทยพีบีเอส มีรายชื่อดังต่อไปนี้

1. รองศาสตราจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง : ประธานกรรมการนโยบาย

2. นายบุญเลิศ คชายุทธเดช : กรรมการนโยบาย ด้านการส่งเสริมประชาธิปไตย การพัฒนาชุมชนหรือท้องถิ่น การเรียนรู้และศึกษา การคุ้มครองและพัฒนาเด็ก เยาวชนหรือครอบครัว หรือการส่งเสริมสิทธิของผู้ด้อยโอกาสทางสังคม

3. นางสาวอุษาสินี ริ้วทอง : กรรมการนโยบาย ด้านการส่งเสริมประชาธิปไตย การพัฒนาชุมชนหรือท้องถิ่น การเรียนรู้และศึกษา การคุ้มครองและพัฒนาเด็ก เยาวชนหรือครอบครัว หรือการส่งเสริมสิทธิของผู้ด้อยโอกาสทางสังคม

4. ผู้ช่วยศาสตราจารย์อนุสรณ์ ธรรมใจ : กรรมการนโยบาย ด้านการบริหารจัดการองค์กร

5. นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา : กรรมการนโยบาย ด้านการบริหารจัดการองค์กร

เเละในส่วนของ คณะกรรมการบริหารสถานี ได้เเก่ นายโยธิน สิทธิบดีกุล ผู้อำนวยการสำนักโทรทัศน์และวิทยุ (ประธานกรรมการ ปฏิบัติหน้าที่นายสถานีโทรทัศน์)

อย่างไรก็ตามในแวดวงสังคม เคยตั้งคำถามถึงความจำเป็น ของสถานีโทรทัศน์สาธารณะ ว่ายังมีความจำเป็นบนแพลตฟอร์มทีวีหรือไม่ หรืออาจจะต้องปิดกิจการลง และยิ่งไทยพีบีเอส ถือเป็นอีกหน่วยงาน ที่มีการใช้งบประมาณต่อปีจำนวนมากด้วย ทำให้คำถามเหล่านี้ ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดอีกครั้ง


สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส มาพร้อมกับสโลแกนที่ว่า “สถานีข่าวที่คนวางใจ” แต่ต้องมองว่า ในปัจจุบันธุรกิจกิจการด้านสื่อสารมวลชนส่วนใหญ่ในประเทศไทย กำลังตกอยู่ในสภาวะที่อับเฉา เพราะหาเงิน หารายได้เข้าสู่องค์กรและหน่วยงานได้ลำบาก เนื่องจากหาผู้สนับสนุนได้ไม่ง่ายนัก แต่กลับมีหน่วยงานด้านสื่อสารมวลชนของไทยแห่งหนึ่ง ที่มีเงินทองอุดมสมบูรณ์อย่างมั่งคั่ง น้อยมากที่จะได้รับผลกระทบ นั่นก็คือสถานีไทยพีบีเอส

สำหรับแผนงบประมาณประจำปี 2563 ที่ผ่านมา มีการใช้งบ รวม 2,953.86 ล้านบาท และยังพบว่าองค์กรนี้ มีค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากรสูงถึง 554.61 ล้านบาท นี่คือเครื่องพิสูจน์ที่บ่งชี้ได้ชัดเจนว่า ค่าตอบแทนของบุคลากรขององค์การนี้สูงมาก แต่ก็มีคำถามตามมาว่า เมื่อได้รับเงินตอบแทนรายเดือนสูงมากมายมหาศาลแล้ว คุณภาพของงานที่นำเสนอต่อสาธารณชนนั้นสูงตามเงินเดือนหรือไม่ ทั้งนี้หากรัฐบาลต้องการให้สื่อมวลชนของไทยผลิตผลงานดี ๆ เพื่อสังคมแล้ว ควรต้องกระจายเงินที่ไทยพีบีเอสได้รับปีละอย่างน้อย 2 พันล้าน ให้กับสื่อมวลชนอื่น ๆ แล้วให้แต่ละสื่อ แข่งขันกันผลิตเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์กับสาธารณชน ไม่ใช่ผูกขาดเงินอย่างน้อยปีละ 2 พันล้านบาท ไว้เฉพาะที่ไทยพีบีเอสเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 10 ปี

และยิ่งทางด้านผอ. คนปัจจุบัน ที่ออกมาต้อนรับกลุ่มเดินทะลุฟ้า ที่นำโดย “ไผ่ ดาวดิน” อย่างออกหน้าออกตา ย่อมแสดงให้เห็นว่า องค์กรนี้เป็นสื่อที่เลือกยืนข้างม็อบที่เจตนาชัดว่าต้องการอะไร ไม่ใช่การออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย แต่เป็นการแอบแฝง จาบจ้วงสถาบัน ก่อความรุนแรงทุกครั้งที่มีการชุมนุม แบบนี้ผอ.ไทยพีบีเอส ยังกล้าพูดได้เต็มปากหรือไม่ว่า คนพวกนี้ต้องการเพียงเสรีภาพในการแสดงออก หรือว่ารู้ แต่แกล้งหลับหูหลับตาไม่รู้ ขนาดวิทยาลัยเล็ก ๆ ในอำเภอปากช่อง นครราชสี ผู้อำนวยการสถาบันยังกล้าที่จะออกมาปกป้องสถาบันพระกษัตริย์ ไม่อนุญาตให้คนกลุ่มนี้เข้ามาใช้สถานที่ แต่ระดับผอ.ใหญ่ขององค์กร ที่ใช้เงินงบประมาณปีละ 2,000 กว่าล้าน ทำไมถึงคิดไม่ได้ ?