หลังจากเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2564 กลุ่มภูเก็ตปลดแอก ได้ออกรวมด้วยรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จำนวนกว่า 100 คัน ติดป้ายข้อความต่าง ๆ ประท้วงการฉีดวัคซีน และเรียกร้องให้นำเข้าวัคซีน mRna ให้คนภูเก็ตได้ฉีด
และเขียนข้อความต่อว่ารัฐบาลในการบริหารจัดการโควิดล้มเหลว พร้อมเดินหน้าขบวน Car mob ไปที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต โดยมีกลุ่มปกป้องสถาบันฯ ตามไปพบกัน และมีการปะทะ ทำร้ายร่างกายกัน ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาห้ามปราม ให้แยกออกจากกัน
ทั้งนี้พบว่ากลุ่มภูเก็ตปลดแอก ส่งตัวแทน ยื่นจดหมายเปิดผนึก ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมข้อเรียกร้อง 4 ข้อ โดยมี ว่าที่ร้อยตรี วิกรม จากที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้รับหนังสือ ดังกล่าว
เนื้อหาในจดหมายเปิดผนึก ระบุว่า จากสถานการณ์ปัจจุบัน เศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตถือว่าอยู่ในสภาวะย่ำแย่ แม้จะมีการเปิดตัว “ภูเก็ต Sandbox” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่เห็นมีวี่แววว่าจะกระเตื้องเลยสักนิด แสดงให้เห็นว่าการบริหารจัดการของรัฐบาลนั้น ไร้ประสิทธิภาพ และไม่ได้เป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลวางไว้
อีกทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ยังออกมากล่าวว่า ภูเก็ต Sandbox ทำรายได้ให้กับจังหวัดสูงถึง 400,000,000 บาท (สี่ร้อยล้านบาท) ด้วยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามากถึงกว่า 9,000 คน แต่รายได้เหล่านี้ก็กระจุกอยู่กับกลุ่มนายทุน ไม่ได้กระจายสู่ผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งก็คือประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้สถานศึกษาก็ต้องจัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งไม่สอดรับกับภาวะความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย ยังมีหลายครอบครัวที่ไม่มีเงินเพียงพอที่จะจัดซื้ออุปกรณ์สื่อสารเพื่อที่จะใช้สำหรับการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ ส่งผลให้การศึกษาไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ อีกทั้งรัฐบาลก็ไม่มีกลไกเยียวยาค่าธรรมเนียมการศึกษา หรือค่าเทอมที่ครอบคลุมและทั่วถึง นี่เป็นเพียงแค่ปัญหาส่วนหนึ่งที่ประชาชนพี่น้องชาวภูเก็ตได้ประสบ ซึ่งเป็นด้วยเพราะต้องปรับตัวตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 และ ข้อกำหนด มาตรการจากรัฐบาล ที่ประเมินการณ์การรับมือต่อโรคระบาดได้อย่างล้มเหลว และไร้ประสิทธิภาพ รวมถึงการสื่อสารที่ไม่ทันท่วงทีและไม่ชัดเจน อีกทั้งการจัดหาวัดซีนทางเลือกที่มีประสิทธิภาพให้แก่ประชาชน ตามนโยบายของรัฐบาลนั้น ไม่มีประสิทธิภาพ การกระจายวัคซีนมีความล่าช้า และไม่เพียงพอต่อประชาชน ประกอบกับการจัดหาซื้อวัคซีนของรัฐบาลยังถูก ตั้งคำถามจากประชาชนถึงความถูกต้องโปร่งใส
พร้อมเรียกร้องอีก 4 ข้อ ระบุว่า
1. นำเข้าวัคซีน mRNA มีประสิทธิภาพ และหลากหลาย ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนทุกๆ คนอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งจะเป็นทางออกเดียวที่จะป้องกันการติดเชื้อ และการแพร่ระบาด ทั้งยังทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
2. กระจายรายได้ สู่ผู้ประกอบการรายย่อย เอกชน และแรงงานโดยทั่วถึง ไม่ให้กระจุกอยู่เพียงแต่ผู้ประกอบการรายใหญ่หรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
3. ออกมาตรการเยียวยา แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และดูแลให้ความช่วยเหลือผู้ตกงานเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ทำให้ขาด
แคลนรายได้ ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย
4. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออกโดยไม่มีเงื่อนไข เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบต่อการบริหารประเทศ และการจัดการวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อันไร้ประสิทธิภาพของ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคพวก ก่อนที่จะมีการสูญเสียไปมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวอีกมุมที่สะท้อนให้เห็นว่า คนในพื้นที่ไม่ทนกับพฤติกรรมของม็อบ เนื่องจากปรากฎคลิปชาวบ้านออกมารวมตัวกัน ชูป้ายไม่เอาคาร์ม็อบภูเก็ต พร้อมบอกว่าตอนนี้สถานการณ์ในจังหวัดกำลังจะดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ยิ่งออกมาประท้วง เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดี ก็ย่อมมีผลต่อนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในภูเก็ต พวกเราต้องการทำมาหากิน นอกจากนี้ในม็อบ ได้มีการตะโกนเรื่องลดงบสถาบันฯ ก็ได้มีชาวบ้านกลุ่มนี้ ตะโกนถามกลับไปว่า ลดทำไม สถาบันมาเกี่ยวอะไรด้วย ขณะที่ชาวบ้านบางราย ยอมเข้าไปกระชากไมค์ผู้ปราศรัย เพื่อต้องการให้ม็อบหยุดพฤติกรรมดังกล่าวด้วย