สมพงษ์ เซ็น ใบลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้ว

2937

สมพงษ์ เซ็นใบลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้ว หลังจากที่กล่าวก่อนหน้านี้ก่อนที่จะเข้าร่วมประชุมพรรคฝ่ายค้าน ว่าตนจะยื่นลาออก

ภายหลังจากเกิดแรงกระเพื่อมอย่างรุนแรงภายในพรรคเพื่อไทย เมื่อ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ตามด้วยการแสดงเจตจำนง ขอลาออกของผู้บริหารจากตำแหน่งต่าง ๆ ในคณะกรรมการชุดดังกล่าวเช่นเดียวกัน

ต่อมามีรายงานข่าว อ้างว่าภายในพรรคเพื่อไทยกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยการลาออกจากหัวหน้าพรรค ของ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เพื่อให้เกิดกระบวนการสรรหากรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ท่ามกลางความขัดแย้งที่หมักหมกมานาน จากขั้วอำนาจภายในพรรค อันเนื่องมาจากผลการทำหน้าที่ประธานยุทธศาสตร์พรรค ของคุณหญิงสุดารัตน์ ที่เลี่ยงไม่พ้นถูกประเมินจากผลการเลือกตั้งซ่อมหลายครั้งที่ผ่านมา และ พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับพรรคพลังประชารัฐทุกครั้ง

ตัวอ่างสำคัญที่บ่งบอกรอยแตกร้าวในพรรคเพื่อไทย คือ ปมปัญหาการแยกตัวไปตั้งกลุ่มแคร์ โดยการนำของ นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎร ตามมาด้วยบทสัมภาษณ์พิเศษของ คุณหญิงสุดารัตน์ ผ่านสื่อมวลชน (ประชาชาติธุรกิจ) มีข้อความบางช่วงตอนเป็นไปในลักษณะพาดพิงเชิงลบกับสมาชิกกลุ่ม CARE อาทิ “ประเด็นที่มีความไม่พอใจตอบเองไม่ได้ เพราะที่ทำไม่ได้มี agenda กับใคร แต่ถ้าใครไม่พอใจแล้วจำเป็นต้องออกไปตั้งพรรค ก็เป็นเหตุผลหนึ่ง แต่เหตุผลหลักถึงจะชอบ ไม่ชอบพี่ แต่ถ้าไม่ออกไปตั้งพรรคก็ไม่ได้เป็น ส.ส.”

และเมื่อถูกถามว่าเหตุใดความแตกแยกของพรรคเพื่อไทยเกิดรูปธรรมเยอะมาก ? คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า มีแค่คนสองคน ทุกที่ทำงานก็มีคนสองคนที่ไม่ถูกกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับคุณธรรมของคนที่จะมาชกใต้เข็มขัดหรือเปล่า ถ้าตัวเองจะปล่อยข่าวก็ปล่อยได้หมด แต่ไม่เคยทำ หยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ “ก็รู้อยู่ใครเป็นใคร แต่ไม่เห็นต้องตอบโต้ ความจริงก็คือความจริง แค่เอาข้อเท็จจริงมาออก ใครจะทำก็ทำ แต่พี่คิดเป็น ไม่คิดจะไปทำอะไร ทำให้องค์กรเสียเปล่า ๆ”

ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มแคร์ โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้ ด้วยข้อความว่า “ในช่วงที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสกับพิษเศรษฐกิจหลังโควิด แทนที่จะได้เห็นนักการเมืองร่วมมือช่วยกันนำเสนอหาทางเลือกทางรอดให้ประชาชนแต่สิ่งที่ปรากฎให้เห็นกลับตรงข้าม…

เพราะเมื่ออ่านบทสัมภาษณ์ผู้นำทางการเมืองช่วงนี้..ต่างกล่าวโจมตีและโยนความผิดกันไปมา คงเป็นไปตามความถนัด..คนที่เก่งสร้างภาพด้วยการโยนผิดใส่คนอื่น ล้วนทำไปด้วยโมหะจริต ของปุถุชน
ความจริงๆเป็นเช่นไร ผู้คนทั่วไปต่างรู้ดี..ไม่จำเป็นต้องแก้ต่าง ไม่จำเป็นต้องลงไปเกลือกกลั้วให้เปื้อนโคลน..เพราะใครเป็นนักสร้างภาพ สร้างอีเว้นท์..ใครจริง ใครปลอม ใครริษยา. ผู้คนเค้ารู้กันดี!!

ท้ายสุดวิวาทะที่ไม่มีมีการระบุชื่อคู่ขัดแย้ง ส่งผลให้ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตัดสินใจแถลงรายละเอียด ยุติข่าวความแตกแยก ร่วมกับ คุณหญิงสุดารัตน์ โดยยืนยันว่า “พรรคเพื่อไทย ทุกคนทุกฝ่ายยังทำงานร่วมกันอย่างกลมเกลียว โดยเฉพาะกับ คุณหญิงสุดารัตน์ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค ซึ่งแม้อาจมีเรื่องติดขัดกันบ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่แก้ไขกันได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดตกอยู่ที่พรรค” ที่ผ่านมา เกิดกระแสข่าวจากแหล่งข่าวที่เราไม่ทราบว่าเป็นใคร ออกมาทำลายความเชื่อมั่นของพรรคเพื่อไทย แต่ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง”

แต่มุมมองของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแดงนปช.และอดีตสมาชิกคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย ผ่านรายการ “หัวใจไม่หยุด..เต้น” กลับบ่งบอกสัญญาณเชิงลบได้อย่างชัดเจน “ปมเพื่อไทยขัดแย้งคงไม่ใช่่เรื่องเก้าอี้ เพราะเป็นฝ่ายค้านคงไม่มีตำแหน่งอะไรให้แย่งกัน แต่ยอมรับกันว่าความไม่ลงลอยของแกนนำ ผู้มีบทบาทสำคัญในพรรค เกิดเป็นข่าวมาแล้วยาวนานก่อนหน้านี้….ความขัดแย้งขบเหลี่ยม แม้จะมีอยู่จริงแต่เท่าที่เห็น เค้าก็ทำงานกันมาได้”

เป็นคำอธิบายภาพที่แสดงรายละเอียด ย้ำอีกครั้งหลังจากอธิบายจุดขัดแย้ง ด้วยคำพูดเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2563 ว่า “สถานการณ์ในพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าใครจะอธิบายยังไง แต่ถ้าพูดกันตามเนื้อผ้า ภาพที่สะท้อนออกมาคือความขัดแย้งอยู่แล้วล่ะครับ กรรมการยุทธศาสตร์กับกรรมการบริหารคงเห็นไม่ตรงกันในหลายๆ เรื่อง

เดี๋ยวนี้มีกรรมการกิจการพิเศษขึ้นมาอีกคณะหนึ่ง ก็เลยอลเวงกันไปใหญ่ (ลุงเหลิม) ตั้ง คณะกรรมการกิจการพิเศษ จ่อซักฟอกรัฐบาลประยุทธ์ และเมื่อพรรคขาดความเป็นเอกภาพ พลังในการขับเคลื่อนทางการเมืองจึงสะดุดติดขัดไปด้วย เวลานี้ดูเหมือนว่าในพรรคเพื่อไทยจะจ้องมองกันอยู่ว่ากรรมการบริหารคิดยังไง กรรมการยุทธศาสตร์คิดยังไง กรรมการกิจการพิเศษคิดยังไง โดยลืมไปหรือเปล่าครับว่าภาพทั้งหมดที่ออกมา ประชาชนเขาจะคิดยังไง??”

ล่าสุดประเด็นปัญหาก็นำมาซึ่ง การประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ โดย นายสมพงษ์ ระบุขอลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย.263 เป็นต้นไป เพื่อจะได้มีการเรียกประชุมใหญ่วิสามัญและเลือกคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ต่อไป

ด้วยเหตุผลที่กล่าวอ้างว่าเพื่อให้นำไปสู่การปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงสังคมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเบื้องต้นมีกำหนดนัดประชุมกรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการ และ ส.ส.ในวันที่ 28 ก.ย. 2563 เพื่อหารือเกี่ยวกับกำหนดวันประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยคาดว่าจะเป็นช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือน ต.ค.นี้