กระอัก สิ้นลมหายใจ!? “จตุพร” รับไปไม่รอด ต้องปิดพีชทีวีกะทันหัน ตัวเลขชัดแบกหนี้กว่า 140 ล้าน ก๊วน 3 กีบรีบซ้ำ ไม่มีนายใหญ่ให้ทุน!!

2523

จากกรณีที่ ณิชชนันทน์ แจ่มดวง พิธีกรสาวช่องพีซทีวี ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ที่ใช้ชื่อว่า Nun Nitchana ได้โพสต์แจ้งข่าวด่วนถึงเอฟซี รายการสาวข่าวเช้า ทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องพีซทีวี ระบุว่า ลาก่อน #พีซทีวี สิ้นเดือน มิ.ย. นี้ ไม่มีแล้วนะ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : จบแล้ว!! “จตุพร” สั่งปิด “พีซทีวี” กะทันหัน เครื่องมือเดียวโจมตีรัฐฯไปต่อไม่รอด ขาดทุนยับ

โดยต่อมา ทางด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. ได้จัดรายการ PEACE TALK ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ระบุตอนหนึ่งว่า สถานีโทรทัศน์ พีซทีวี เป็นสถานีที่อยู่ท่ามกลางความยากลำบาก เป็นสถานีที่ถูก กสทช. ใช้อำนาจปิดมากที่สุด เคยถูกถอนใบอนุญาติและได้รับการคุ้มครองจากศาลปกครองกลาง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลปกครองสูงสุด ในโลกของความเป็นจริง กว่าจะได้รับการคุ้มครองจากศาลก็ใช้เวลากว่า 3 เดือน

สถานีต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายมากมาย กว่าที่สื่อโฆษณาจะกลับมาสนับสนุนก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 เดือน และโดนคำสั่งปิดตามมาอีก2-3ครั้ง ยืนหยัดอยู่ได้มาถึงทุกวันนี้ก็นับว่าเป็นปาฎิหาริย์ เมื่อมาเจอวิกฤติจากการเป็นทีวี ที่ไม่มีการสนับสนุนใดๆ จากฝ่ายใดของฝ่ายการเมืองเลย เป็นสถานีประชาธิปไตย ที่ยืนหยัดแม้ว่าจะเจอคำครหามากมาย พีซทีวี ยังก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่รายงานข่าวประชาธิปไตยอย่างซื่อสัตย์ และอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผู้มีอำนาจตลอดมา จึงไม่มีสปอนเซอร์ที่จะกล้ามาเสี่ยงตายกับพีซ ทีวี

ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้พยายามหาทางออก เช่น ปรับลดเงินเดือนพนักงานควบคู่การปรับลดเวลาการทำงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่ยังไปไม่ไหวจนต้องตัดสินใจปิดกิจการ และไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานได้อย่างเต็มที่ ถ้าไม่มีปาฎิหาริย์ใด วันที่ 30 มิ.ย. ต้องปิดสถานีพักการออกอากาศ ซึ่งการใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียก็เป็นเรื่องที่ยากลำบาก เพราะยังต้องใช้บุคลากรจำนวนมากพอสมควร

ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา ได้เปิดเผยข้อมูลตัวเลข หลังตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2564 พบว่า สถานีโทรทัศน์พีซทีวี จดทะเบียนจัดตั้งในชื่อบริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด (ชื่อเดิมบริษัท รวยทันที จำกัด) จดทะเบียนเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2556 ทุนปัจจุบัน 50 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจ ประกอบกิจการออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียง (ยกเว้นทางออนไลน์) ตั้งอยู่ที่ 281,281/1 ซอยรามอินทรา 40 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร

ปรากฏชื่อนายอนันต์ศักดิ์ คำเก่า เป็นกรรมการรายเดียว แจ้งรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2564 นายอนันต์ศักดิ์ คำเก่า ถือหุ้นใหญ่สุด 51% นายณรงค์ศักดิ์ คำเก่า ถือ 24.5% และนายวุฒิไกร ทองย่น ถือ 24.5%

นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2562 แจ้งมีสินทรัพย์รวม 13,376,537 บาท หนี้สินรวม 140,934,113 บาท มีรายได้รวม 25,733,165 บาท รายจ่ายรวม 29,485,389 บาท ขาดทุนสุทธิ 3,752,224 บาท

โดยในปี 2561 มีรายได้รวม 11,060,520 บาท รายจ่ายรวม 37,983,640 บาท ขาดทุนสุทธิ 26,923,120 บาท

และในปี ปี 2560 มีรายได้รวม 8,168,184 บาท รายจ่ายรวม 46,691,913 บาท ขาดทุนสุทธิ 38,523,729 บาท

ทั้งหมดคือฐานทุนทางธุรกิจของพีชทีวี ที่นายจตุพรพยายามต่อลมหายใจมาหลายปี แต่สุดท้ายไม่ไหว ต้องประกาศปิดอย่างกะทันหันในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ และเดินหน้าไปเป็นแกนนำขับไล่พลเอกประยุทธ์

อย่างไรก็ตาม กลุ่ม 3 นิ้วได้เข้ามาคอมเม้นต์แสดงความเห็นต่อข่าวนี้ว่า เมื่อไม่ปรับตัว ก็ต้องเลิกไปแบบนี้ พร้อมอวยว่าช่องวอยซ์ รู้จักปรับตัว มีการขายของ และบางคอมเม้นต์ก็บอกด้วยว่า ไม่มีใครดูหรอก เพราะช่องนี้ปลอมมานานแล้ว , นายใหญ่ไม่ให้ทุนแล้ว ใครจะอยากเป็นท่อน้ำเลี้ยง และยังอีกว่า นายจตุพรคงสิ้นลมไปพร้อมกับพีชทีวี เพราะไม่รู้จะหารายได้ทางไหน เลยออกมาสร้างความเดือดร้อนอยู่ในตอนนี้

ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของนายจตุพร มีข้อสำคัญคือต้องการขับไล่พลเอกประยุทธ์ และไม่แตะต้องเรื่องสถาบัน จึงทำให้กลุ่ม 3 นิ้วไม่เข้าร่วมด้วย และเลือกข้างอยู่กับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อแทน