ชาญวิทย์ หมดหวัง? โอด “สังคมหมดไฟ ปฏิวัติไม่ได้” อ้างถูกทำให้เซ็งแล้วปกครอง! ความจริงคือสามกีบแพ้หมดพลังแล้ว?

1612

ชาญวิทย์ หมดหวัง? โอด “สังคมหมดไฟ ปฏิวัติไม่ได้” อ้างถูกทำให้เซ็งแล้วปกครอง! ความจริงคือสามกีบแพ้หมดพลังแล้ว?

จากกรณีการเคลื่อนไหวของม็อบคณะราษฎรที่ขณะนี้เหล่าแกนนำได้รับการปล่อยตัวอกมาแล้ว หลังจากที่ถูกจำคุกด้วยมาตรา 112 จากการเคลื่อนไหว เมื่อวันที่ 19-20 กันยายน ซึ่งการเคลื่อนไหวของม็อบคณะราษฎร หลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า เป็นการเคลื่อนไหวที่มีข้อเรียกร้อง 3 ข้อหนึ่งในนั้นคือ การปฏิรูปสถาบัน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการปล่อยข่าวลือต่างๆ และมีการสร้างเฟคนิวส์ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อน ถือว่าเป็นหนึ่งในยุทธวิธีของขบวนการทำลายชาติเพื่อนำไปสู่จุดมุ่งหมาย

ล่าสุดทางด้าน นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีการปฏิวัติ โดยระบุข้อความว่า

สังคมหมดไฟ ปฏิวัติไม่ได้ สังคมที่ถูกทำให้เซ็ง แล้วปกครอง bore and rule ก้อไม่ได้ปฏิวัติ ความเบื่อหน่าย ท้อแท้ ทำให้ชีวิตหมดพลัง หมดสิ้นการแสวงหา ครับ

อย่างไรก็ตาม หลายคนมองว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มแกนนำและขบวนการทำลายชาตินี้ เป็นการเคลื่อนไหวตามยุทธวิธี ไม่ว่าจะเป็นการที่เพนกวิน ประท้วงอดอาหาร ก็เป็นหนึ่งในแนวทางการเคลื่อนไหวที่นำไปสู่การปฏิวัติ ซึ่งยังมีคนทยอีกจำนวนมากที่ไม่เอาด้วยกับม็อบ มองว่าม็อบยังไม่มีความพร้อม เนื่องจากผู้ร่วมชุมนุมเริ่มลดลงแบบบางตา แถมยังเริ่มมีความรุนแรงเกิดขึ้นในทุกครั้งที่มีการชุมนุม ม็อบเริ่มหมดความชอบธรรม

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2564  เฟซบุ๊ก Voice TV ได้โพสต์ข้อความเผยแพร่บทสัมภาษณ์ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไว้บางช่วงที่น่าสนใจอย่างยิ่งว่า

ศ.ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ เปิดมุมมองต่อคนรุ่นใหม่ ฝ่ายอนุรักษนิยม ชนชั้นนำ และหนทางตามวลีแห่งประวัติศาสตร์ที่ว่า “Thailand is the land of compromise” จะเป็นไปได้อย่างไร ณ จุดที่สังคมไทยกำลังเข้าสู่ยุคสมัยของการเปลี่ยนผ่านอย่างถึงราก

นี่คือบทสนทนาบางส่วน…

วอยซ์ : นอกจากเสียงเรียกร้องให้ยกเลิก 112 แล้ว เสียงของฝั่งรอยัลลิสต์ก็ไม่เบา อาจารย์มองอย่างไร กังวลใจไหมว่าภาพแบบ 6 ตุลาฯ จะฉายซ้ำ

ชาญวิทย์ : กรณีของคนรุ่นใหม่ตั้งแต่ชุมนุมเมื่อกรกฎาคม 2563 เป็นสิ่งที่ผมประหลาดใจนะ แล้วไม่คิดว่าจะได้เห็นด้วยซ้ำ ประหลาดใจมากๆว่า ความกล้าของเขาเรียกว่าทะลุทะลวงข้อจำกัดเนี่ย ผู้มีอำนาจ ผู้มีบารมี กลับไม่พยายามหาทางมาเจอกัน ผมว่าน่าวิตก น่าห่วงมากๆ สถานการณ์โดยรวมซีเรียสนะครับ แต่ถามว่าน่าหมดหวังไหม น่าท้อถอยไหม ไม่นะ ผมว่าใช้คำว่าน่าจะยังมีโอกาส ถึงแม้ว่าผมจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แต่ผมอายุ 80 แล้ว เห็นโลกมายาวนานแล้ว ถ้าเรามองปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศของเรา และในโลกทั้งใบ ในที่สุดคงจะผ่านไปได้

วอยซ์ : อาจารย์มองเห็นความหวัง แปลว่าทุกฝ่ายคงกลับมาคุยกันได้ใช่ไหม เหมือนดั่งประโยคที่ว่า “Thailand is the land of compromise”

ชาญวิทย์ : ผมคิดว่าคำว่า “Thailand is the land of compromise” เป็นคำที่งดงามมากๆ และเป็นคำที่โดยใครก็ตาม รวมทั้งผมด้วยก็คงหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น ผมว่ามันเป็นวาทกรรม เป็นแนวคิดที่ว่าคนไทยมีอันนี้ แต่ในความจริงทางประวัติศาสตร์ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ แต่ถ้าเราเชื่อว่ามันมีอยู่ในนี้ (ชี้ที่หัวตัวเอง) ก็น่าจะเป็นคุณสมบัติของเรา เราก็ต้องฝ่าฟันไปให้ถึงจนได้

และเมื่อวันที่ 14 ก.พ.64 ทางด้านของ “นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” ผู้ต้องหาหนีคดี ได้โพสต์ข้อความถึงการประเมินสถานการณ์ม็อบผ่านทวิตเตอร์ว่า ตอนนี้ ไม่ว่าจะประเมินอย่างไร ต้องบอกว่า เรายังไม่พร้อม ยังมีคนจำนวนมหาศาลที่ยังไม่เอาด้วยกับเรา นอกจากนี้ เฉพาะหน้า มีเพื่อนเราถูกจับ ไม่ให้ประกัน เราต้องยึดมั่นในใจไว้ให้ดี การปะทะตอนนี้ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น”