จากที่วันนี้ 22 พฤษภาคม 2564 สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล หรือ ฮาร์ท อดีตพิธีกรและนักร้องชื่อดัง โพสต์รูปภาพคู่พระมหาสมปอง ตาลปุตโต วัดสร้อยทอง ซึ่งทั้งคู่กำลังถูกดำเนินการตรวจสอบ ทั้งทางโลกและทางธรรม คนหนึ่งอาจติดคุก ส่วนอีกรูปอาจต้องถูกสึกจากพระ
โดยข้อความที่นายสุทธิพงศ์ โพสต์ ระบุว่า “มีเรื่องไม่สบายใจ เลยออกจากบ้านมาสนทนาธรรมกับพระ”
นอกจากนี้ในวันเดียวกันนายสุทธิพงศ์ ยังโพสต์คลิปพร้อมข้อความ ที่กำลังเลานดนตรี พร้อมกับบอกกล่าวถึงการเตรียมหาค่าใช้จ่ายในคดีว่า
“ผมกำลังหาสตางค์มาสู้คดี ผมเลยจะนำความรู้ด้านเปียโนมาสอนผู้ที่สนใจเรียนครับ เปียโนตอนนี้ นานๆ จะเล่นสักที แต่ก็ยังพอได้ แต่ก่อนผมชอบเล่นอีเลคโทน เดี๋ยวนี้หันมาเล่นอีเล็กแทน”
อย่างไรก็ตาม สำหรับ “ฮาร์ท สุทธิพงศ์” ได้ถูกนายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี และทนายความนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าแจ้งความในคดี กรณีโพสต์ข้อความอาจเข้าข่าย ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพ.ร.บ.ว่าด้วยกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 ในเรื่องของวัคซีน
ขณะที่ “พระมหาสมปอง” เองก็ถูกมหาเถรสมาคม (มส.) ลงมติว่าการแสดงความคิดเห็นเสียดสีโจมตีการทำงานของรัฐบาลช่วงสถานการณ์โควิด-19 อีกทั้งมีการประชาสัมพันธ์โฆษณาขายสินค้า (ปุ๋ยน้ำ) และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมออกสื่อสังคมออนไลน์ หรือที่เรียกว่า รีวิวสินค้า นั้นเป็นการแสดงที่ไม่เหมาะสม และมอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติประสาน พระสังฆาธิการที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป โดยเห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าว ไม่ใช่กิจของสงฆ์
กระนั้นในส่วนคดีของฮาร์ทนั้น นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา ได้เคยให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กว่า
“ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 บัญญัติว่า ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
ความผิดตามมาตรานี้เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ผู้ใดไปแจ้งความหรือกล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีแก่บุคคลใดแล้ว จะไปขอถอนแจ้งความหรือถอนการกล่าวโทษไม่ได้ แม้จะขอถอนเจ้าหน้าที่ตำรวจพนักงานสอบสวนก็อนุญาตไม่ได้
ดังนั้น ที่มีผู้ไปกล่าวโทษอดีตนักร้องดังต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามมาตรา 112 นั้น พนักงานสอบสวนมีหน้าที่ต้องดำเนินการสอบสวนต่อไป แม้ผู้กล่าวโทษจะขอถอนคำกล่าวโทษ
หากเห็นผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดก็ต้องมีคำสั่งฟ้องและส่งสำนวนไปให้พนักงานอัยการพิจารณา พนักงานอันการอัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่ก็เป็นดุลพินิจของพนักงานอัยการที่จะพิจารณา”
