“ทรัมป์” เดินเกมส์ขี้แพ้ชวนตี ซ้ำรอย “ทักษิณ”!?

3886

จากกรณีที่โดนัล ทรัมป์ ได้แพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดี ทรัมป์ได้ออกมาแสดงการไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง โดยการอ้างว่ามีการโกงเกิดขึ้น และได้พยายามทำทุกทางเพื่อรักษาอำนาจของตนไว้

จนกระทั่ง ล่าสุด วันที่ 6 ม.ค. 64 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ปลุกกลุ่มผู้สนับสนุนตนเองให้ออกมา เดินขบวนประท้วงครั้งใหญ่ในกรุงวอชิงตัน เพื่อคัดค้านการประกาศรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนายโจ ไบเดน

และผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งได้บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาสหรัฐ ได้มีการจลาจลเกิดขึ้น จนเป็นเหตุให้มีหญิงสาวหนึ่งในผู้ประท้วงถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย

ต่อมา ทางด้าน ปธน.ทรัมป์ได้ออกมาเคลื่อนไหวทันทีที่ภาพข่าวการบุกอาคารรัฐสภาถูกเผยแพร่ออกไป โดยกล่าวว่า “พวกคุณต้องกลับบ้าน กลับบ้านเถิด เรารักคุณ คุณเป็นคนพิเศษ” แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ทรัมป์ยังเน้นย้ำเรื่องมีการโกงการเลือกตั้ง และยังไม่ยอมประกาศความพ่ายแพ้

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นิตยสารฟอร์บส์ สื่อดังระดับโลกของสหรัฐฯ ได้เคยคาดเดาสถานการณ์หลังจากทรัมป์แพ้การเลือกตั้งไว้ โดยได้เผยแพร่บทความเรื่อง Is Trump Taking A Page From Thailand’s Playbook? ทาง William Pesek คอลัมนิสต์คนดัง ระบุว่า ด้วยที่โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงปฏิเสธยอมรับผลการเลือกตั้ง เปรียบเทียบสถานการณ์กับ นายทักษิณ ชินวัตร ของประเทศไทย ชายที่ยังคงเป็นเงาปกคลุมเศรษฐกิจและประเทศไทยมานานกว่า 14 ปี นับตั้งแต่พ้นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

บทความระบุว่า ในปี 2006 นายทักษิณถูกขับไล่โดยรัฐประหาร ผลของมันก่อความยุ่งเหยิงในกรุงเทพฯ เป็นระยะเวลาหนึ่ง สถานการณ์ที่เวลานี้ในวอชิงตันต้องหาทางหลีกเลี่ยง อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ก็เหมือนกับทักษิณ ที่แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าเขาไม่มีความตั้งใจถอยห่างจากฉากหน้าการเมืองระดับประเทศ บางทีอาจถึงขั้นลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกสมัยในปี 2024 และด้วยพฤติกรรมชอบกวนน้ำให้ขุ่นของเขา ประกอบกับมีผู้ติดตามบนสื่อสังคมออนไลน์มากกว่า 100 ล้านคน อาจทำให้ชีวิตในทำเนียบขาวของโจ ไบเดน ต้องพานพบกับความยากลำบาก

Pesek ระบุว่า ในแบบเรียนของทักษิณ หลังจากหลบหนีจากกรุงเทพฯ ในปี 2016 ไปยังลอนดอนและประเทศอื่นๆ นายทักษิณได้ปรากฏตัวผ่านระบบโทรศัพท์ทางไกล (โฟนอิน) มายังเวทีชุมนุมทางการเมืองหลายต่อหลายครั้ง เขาปลุกปั่นความโกรธเกรี้ยวของผู้สนับสนุนด้วยคำกล่าวอ้างว่าข้อกลาวหาฉ้อโกงและคอร์รัปชันที่มีต่อตัวเขานั้นมีแรงจูงใจทางการเมือง นอกจากนี้แล้ว นายทักษิณยังคร่ำครวญด้วยว่าทุกรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจากเขาล้วนล้มเหลว และต้องถูกกล่าวโทษต่อกรณีที่ประเทศยังคงมีรายได้เฉลี่ยต่อบุคคลในระดับต่ำ

ความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของนายทักษิณได้ผลเป็นอย่างดี บทความระบุว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาผู้นำไทยหลายคนที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาไม่อาจหลุดพ้นจากเงาของนายทักษิณ และวงจรแห่งความยุ่งเหยิงเกิดขึ้นอีกครั้งในรัฐประหารปี 2014 เมื่อกองทัพที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามายึดอำนาจ

คอลัมนิสต์รายนี้ระบุต่อว่า ในขณะที่เศรษฐกิจของไทยซึ่งเคยเป็นเศรษฐกิจสดใสที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียอยู่ในภาวะโซซัดโซเซ เผชิญปัญหาทั้งในด้านการส่งออก, ส่งสริมนวัตกรรม, ยกระดับการแข่งขันและการผลิต รวมถึงลงทุนด้านการศึกษาและสาธารณสุข แต่พวกผู้นำทั้งหลายที่ผ่านมา ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับความพยายามรักษาอำนาจ ท่ามกลางความปั่นป่วนทางการเมือง ในขณะที่นายทักษิณและพันธมิตรก็ใช้โอกาสนี้วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงจากภายนอก

เดือด ม็อบหนุนทรัมป์บุกสภา ขวางคองเกรสรับรองชัยชนะไบเดน ส.ส.อพยพวุ่น

Pesek ระบุว่า ทำเนียบขาวของไบเดนก็เช่นกัน เขากำลังสืบทอดปัญหาต่างๆ นาที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขเป็นการด่วน โดยสิ่งแรกที่ต้องทำคือควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งสหรัฐฯ เป็นชาติที่สถานการณ์การแพรระบาดเลวร้ายที่สุดในโลก ยอดผูู้ติดเชื้อทะลุ 11 ล้านคน ในขณะที่ทรัมป์ นิ่งเฉยไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น

อย่างที่ 2 คือ คณะทำงานของไบเดน ต้องเแปรเปลี่ยนสิ่งที่รัฐบาลชุดก่อนทำตามอำเภอใจทำไว้กับเศรษฐกิจอเมริกา ทั้งก่อความอ่อนแอแก่สถาบันต่างๆ ทางเศรษฐกิจ ใช้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ราวกับตู้เอทีเอ็ม พร้อมกับลดกฎระเบียบต่างๆ ที่จำเป็น และสุดท้ายต่อซ่อมแซมเศรษฐกิจที่ทรัมป์ทิ้งไว้ในสภาพโซเซ ท่ามกลางการแพร่ระบาดระลอกสองของโควิด-19 ทั่วโลก
ไบเดนอาจต้องเผชิญกับศึกรอบด้าน โดยนอกจากต้องคอยตอบโต้เสียงโจมตีจากรอบนอกของทรัมป์แล้ว ขณะเดียวกันก็ต้องต่อสู้กับสมาชิกรีพับลิกันที่ต้องการสร้างบาดแผลแก่รัฐบาลด้วยการหาทางก่อทางตันทางกฎหมายบางอย่าง

ทั้งนี้ สถานการณ์การบุกสภาโดยม็อบของทรัมป์นั้นเป็นไปตามลักกษณะที่ฟอร์บส์เคยคาดเดาเอาไว้ และโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกาคงต้องเจอศึกหนักไม่น้อย