สหรัฐเปิดเมือง ทั้งชายหาด บาร์ สถานบันเทิงเพื่อเริ่มดำเนินธุรกิจ เป้าหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจ สถาบันชี้วัดประเมินผล มหาวิทยาลัยวอชิงตันติดตามสถิติการแพร่ระบาดพบว่า ส่งผลทำให้การแพร่ระบาดโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา และเตียงในโรงพยาบาลเต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อ ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า สหรัฐฯอาจเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในไม่ช้า และอาจสูญเสียถึงระดับ 2 แสนรายภายในเดือนตุลาคมศกนี้ ขณะที่รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ กล่าวว่าสถานการณ์อยู่ในระดับควบคุมได้ สถิติลดลงคือติดเชื้อแค่วันละ 20,000 รายในเดือนมิ.ย.จากเดือนพ.ค.ติดอยู่ 25,000 แต่สื่อและผู้เชี่ยวชาญแย้งว่าติดเชื้อวันละ 40,000 รายต่างหาก
3 มลรัฐใหญ่ได้แก่ นิวยอร์ก นิวเจอร์ซี และคอนเนตทิคัต ได้ประกาศกักตัวผู้เดินทางจากรัฐเสี่ยงจำนวน 8 รัฐ เป็นเวลา 14 วัน รวมทั้งผู้ที่เดินทางจากทั้งสามมลรัฐไปยัง รัฐพื้นที่สีแดงดังกล่าวซึ่งได้แก่ แอละบามา อาร์คันซอ แอริโซนา ฟลอริดา นอร์ทแคโรไลนา เซาท์แคโรไลนา เท็กซัสและยูทาห์
สถิติ ใน 9 มลรัฐของสหรัฐฯซึ่งได้แก่ แอละบามา แอริโซนา ฟลอริดา เนวาดา นอร์ทแคโรไลนา โอคลาโฮมา โอเรกอน เซาท์แคโรไลนา และเท็กซัส มียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 วัน รายงานระบุว่า ทั้ง 9 รัฐมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในวันเดียว (16 มิ.ย.) พุ่งระดับสูงสุด หรือทำสถิติใหม่ โดยเฉลี่ยในรอบ 7 วัน และแนวโน้มดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงวันพุธ (17มิ.ย.) ในบางรัฐ โดยรัฐโอคลาโฮมามีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันเดียวพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 7 วัน
ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก นายฟิล เมอร์ฟีย์ ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์และนายเน็ต ลามอนต์ ผู้ว่าการรัฐคอนเนตทิคัต เผยแพร่แถลงการณ์ร่วมกันเมื่อวันพฤหัสบดี 25 มิ.ย.2563 เรื่องการบังคับใช้มาตรการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน กับบุคคลซึ่งเดินทางมาจาก 8 รัฐที่ถือเป็นพื้นที่สีแดงของโรคโควิด-19 ซึ่งผู้ฝ่าฝืนต้องรับโทษตามกฎหมายของแต่ละรัฐ สำหรับรัฐทั้ง 8แห่งที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นรัฐทางตอนใต้ ประกอบด้วย แอละบามา อาร์คันซอ แอริโซนา ฟลอริดา นอร์ทแคโรไลนา เซาท์แคโรไลนา เท็กซัสและยูทาห์ โดยมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้กับทั้งประชาชนซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในกลุ่มรัฐดังกล่าว และประชาชนจากทั้งในรัฐนิวยอร์ก นิวเจอร์ซีย์และคอนเนตทิคัต ที่เดินทางไปยัง 8รัฐกลุ่มเสี่ยงแล้วเดินทางกลับเข้าพื้นที่ด้วย
ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ระบุว่า ในช่วงเย็นของวันพุธที่ 17 มิ.ย. ยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐพุ่งขึ้นทะลุระดับ 2,157,000 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสูงกว่า 117,000 ราย
ส่วนแบบจำลองของสถาบันชี้วัดและประเมินสุขภาพ (IHME) ในสังกัดมหาวิทยาลัยวอชิงตันของสหรัฐ บ่งชี้ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตกว่า 200,000 รายภายในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในหลายรัฐพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
อย่างไรก็ตาม แบบจำลองดังกล่าวบ่งชี้ว่า ชาวอเมริกันจะเสียชีวิตจากโควิด-19 จำนวน 171,000-270,000 ราย โดยมีแนวโน้มมากที่สุดที่ระดับ 201,129 ราย
นอกจากนี้ คาดว่า จำนวนผู้เสียชีวิตรายวันจะเพิ่มขึ้นอีกในเดือน ก.ย. หลังจากแตะระดับสูงสุดในเดือนมิ.ย. และคาดว่า โรงพยาบาลต่างๆ จะมีความต้องการเตียงและเครื่องช่วยหายใจเพิ่มขึ้นในเดือน ก.ย.
ด้านองค์การอนามัยโลกคาดยอดผู้ติดเชื้อพุ่งทะลุ 10 ล้านคน ในสัปดาห์หน้า
จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อ 9,701,562 ราย เสียชีวิต 970,478 ราย คิดเป็น 5.06%ของผุ้ป่วยทั้งหมด ประเทศที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ สหรัฐอเมริกา จำนวน 2,504,298 ราย รองลงมาคือบราซิล 1,228,114 ราย
…………………………………………
Cr: theatlantic