ชัดเจน แกนนำ 3 นิ้วอวดดี!! เปิดหลักฐานสำคัญ ศาลให้ประกันตัว “หมอลำแบงค์” แต่ “สมยศ-ไผ่” วืด นอนคุกต่อ เพราะแหกกฎ สร้างกระแส?

2218

จากกรณีที่ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวแกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร โดยวันนี้ (9 เม.ย.) ศาลอาญาอ่านคำร้องขอปล่อยชั่วคราวใน คดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 283/2564

ระหว่างพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุดโจทก์ และนายพริษฐ์หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ กับพวกรวม 22 คน ตามที่ทนายความยื่นคำร้องขอให้ศาลปล่อยชั่วคราว นายปติวัฒน์หรือหมอลำแบงค์ สาหร่ายแย้ม จำเลยที่ 3

นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข จำเลยที่ 4 และนายจตุภัทร์หรือไผ่ ดาวดิน บุญภัทรรักษา จำเลยที่ 7 เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2564 ศาลอาญาได้ไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวแล้วมีคำสั่งว่า พิเคราะห์จากคำแถลงและการไต่สวนตามร้องของนายปติวัฒน์หรือหมอลำแบงค์ สาหร่ายแย้ม จำเลยที่ 3

ประกอบกับคำผู้ที่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 3 แล้ว น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 3 จะไม่ไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นได้อีก จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 2 แสนบาท โดยมีเงื่อนไขห้ามมิให้จำเลยที่ 3 กระทำการในลักษณะเช่นเดียวกับที่จำเลยถูกกล่าวหาตามฟ้องเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ซ้ำอีก หรือไปร่วมกิจกรรมที่อาจทำให้เสื่อมเสียแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ ห้ามจำเลยที่ 3 เดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากศาล และให้จำเลยที่ 3 มาศาลตามกำหนดนัดโดยเคร่งครัด ก่อนปล่อยตัวจำเลยที่ 3 และแจ้งให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ

 


ในส่วนของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข จำเลยที่ 4 และนายจตุภัทร์หรือไผ่ดาวดิน บุญภัทรรักษา จำเลยที่ 7 แม้จะให้ถ้อยคำในชั้นไต่สวนขอปล่อยชั่วคราวเช่นเดียวกับจำเลยที่ 3 แต่กลับปรากฎข้อเท็จจริงในภายหลัง ว่า เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 ศาลนัดสอบคำให้การตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันนัดสืบพยานคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 283/2564 จำเลยที่ 4 และที่ 7 และทนายจำเลยที่ 4 และที่ 7 ไม่ยอมลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาโดยไม่มีเหตุอันสมควร มีเพียงจำเลยที่ 3 และทนายความจำเลยที่ 3 เท่านั้นที่ลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาปรากฏตามรายงานเจ้าหน้าที่

และรายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่ 8เมษายน 2564 ทั้งทนายจำเลยที่ 4 และที่ 7 นำรายงานกระบวนพิจารณาไปเขียนข้อความเพิ่มเติมโดยไม่ได้รับอนุญาต จากศาล ระบุว่า “ทนายความจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ถึงที่ 22 ไม่ขอลงชื่อในรายงานกระบวนพิจารณา เนื่องจากไม่ยอมรับกระบวนพิจารณา” กับมีพฤติการณ์จะไม่ยอมไปกำหนดวันนัดสืบพยานที่ศูนย์นัดความ และยื่นคำร้องขอถอนทนายความ ทำให้การกำหนดวันนัดสืบพยานเป็นด้วยความยากลำบาก ซึ่งเป็นอุปสรรคและก่อให้เกิดความเสียหายต่อการดำเนินคดีในศาล

ข้อคาวมและคำแถลงของจำเลยที่ 4 และที่ 7 ว่าจะปฏิบัติตามเงื่อนใขที่แถลงไว้ต่อศาล จึงไม่น่าเชื่อถือว่าสามารถปฏิบัติตามที่แถลงไว้ต่อศาลได้ ในชั้นนี้ไม่อนุญาตให้ปล่อยจำเลยที่ 7 และที่ 7 ชั่วคราว ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 4 และที่ 7