การคุกคามสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ภายใต้ข้ออ้างเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลมีเดีย ส่งผลเฟคนิวส์ท่วมสังคมเสมือน ต้องตามแก้ข่าวกันรายวัน ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บล็อกเกอร์สิงคโปร์โดนปรับ 3 ล้านบาท ฐานหมิ่นประมาท นายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุงผ่านโซเชียลมีเดีย หลังศาลพิพากษาว่า จำเลย”ผิดจริง” อีกตัวอย่างหนึ่งที่เพื่อนบ้านประเทศเวียดนามบริหารจัดการ กับสื่อที่ยุยงปลุกปั่นอย่างเด็ดขาดถึงขั้นจำคุก ขณะที่ประเทศไทย นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่งให้อภัยนักโพสต์ที่หมิ่นประมาทด้วยข้อความหยาบคายและเป็นเท็จไปหมาดๆ
มาดูความเหมือนของประเทศสิงคโปร์ ที่ใช้ระบบประชาธิปไตย และเวียดนามที่ใช้ระบบสังคมนิยม ต่างจัดการกับท่าทีไม่สร้างสรรค์ของสื่อมวลชนได้เด็ดขาดชัดเจน ไม่ปล่อยให้อ้างสิทธิเสรีภาพพร่ำเพรื่อไร้ความรับผิดชอบ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2564 ว่า ศาลไฮคอร์ตของสิงคโปร์มีคำพิพากษา ให้นายเหลียง จื่อ เฮียน บล็อกเกอร์ด้านการเงิน ชำระค่าเสียหายเป็นเงินทั้งสิ้น 133,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ( ราว 3.06 ล้านบาท ) ให้แก่นายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุง ในคดีหมิ่นประมาทซึ่งทำให้ผู้นำสิงคโปร์เสื่อมเสียชื่อเสียง
ทั้งนี้ จำเลยได้โพสต์บทความหนึ่งบนเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อเดือน พ.ย. 2561 และตั้งค่าเป็นสาธารณะ ทั้งที่การโพสต์และแบ่งปันเนื้อหาส่วนใหญ่ของนายเหลียงได้รับการตั้งค่าให้เห็นเฉพาะผู้ที่เป็นเพื่อนเท่านั้น บทความดังกล่าวมีเนื้อหาว่า ผู้นำสิงคโปร์มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับคดีมหากาพย์การทุจริต ในกองทุนพัฒนาแห่งชาติของมาเลเซีย ( วันเอ็มดีบี ) ซึ่งโยงใยกับบุคคลหลายคน และหน่วยงานในหลายประเทศ ก่อนลบลิงก์ออกไปในอีก 3 วันต่อมา “ตามการร้องเรียน” ของรัฐบาล
แม้นายเหลียงยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหามาตลอด แต่ผู้พิพากษามีความเห็นว่า จำเลยไม่สามารถแสดงหลักฐานที่มีน้ำหนักได้ว่า ข้อความทั้งหมดในบทความนั้นไม่ได้พาดพิงถึงนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของสิงคโปร์ ด้านนายเหลียงกล่าวหลังศาลเสร็จสิ้นการประกาศคำพิพากษา ว่า “โล่งใจที่คดียุติ” แต่ “ผิดหวัง” กับคำตัดสิน
ขณะที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ปฏิเสธให้ความเห็นอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ดี เป็นที่ทราบกันดีในสังคมของสิงคโปร์ ว่านายลีไม่เคยเพิกเฉย และดำเนินการตามช่องทางกฎหมาย ทุกครั้งที่พบการเผยแพร่เนื้อหาอันเป็นเท็จ และถือเป็นการหมิ่นประมาทต่อตัวเอง
กรณีที่เวียดนามเมื่อต้นปี และล่าสุดปลายเดือนมี.ค.นี้เอง
วันที่ 6 ม.ค. 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ศาลนครโฮจิมินห์ของเวียดนามตัดสินจำคุกบล็อกเกอร์นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย 3 คนตั้งแต่ 11 ปี จนถึง 15 ปี ฐานผลิตและเผยแพร่ข้อมูลต่อต้านรัฐบาลเวียดนาม
คำพิพากษาล่าสุดนี้เกิดในช่วงยามที่เวียดนามอยู่ในภาวะเคร่งเครียดก่อนหน้าการถ่ายโอนอำนาจแก่ผู้นำชุดใหม่ปลายเดือนนี้ ที่ทำให้เกิดการวิ่งเต้นชิงอำนาจกันวุ่นวายหลังฉาก โดยช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทางการเวียดนามเร่งปราบปรามผู้เห็นต่างและผู้ที่วิจารณ์รัฐบาลหลายราย
รายงานเอเอฟพีกล่าวว่า ในการพิจารณาคดีอย่างรวดเร็วของศาลโฮจิมินห์ จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นสมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวอิสระแห่งเวียดนาม (ไอเจเอวี) ที่ทางการเวียดนามระบุว่าเป็นสมาคมผิดกฎหมาย ถูกตัดสินลงโทษจำคุกฐานผลิตและเผยแพร่ข้อมูลต่อต้านรัฐบาลเวียดนาม
ฟาม ชี ชุง อายุ 54 ปี เป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียง และเป็นสมาชิกก่อตั้งของไอเจเอวีโดยดำรงตำแหน่งประธานสมาคมแห่งนี้ ได้รับโทษจำคุก 15 ปี ส่วนเหวียน ทุย เตือง ทหารผ่านศึกวัย 69 ปี และและเล ฮู มินห์ ตวน ถูกตัดสินจำคุก 11 ปีเท่ากัน ทั้ง 3 คนเป็นนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยที่รู้จักกันดีในเวียดนาม
สื่อทางการเวียดนามรายงานคำตัดสินของศาลที่ระบุว่า ก่อนโดนจับในช่วงปลายปี 2562 ถึงกลางปี 2563 ผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คนติดต่อกับฝ่ายต่อต้าน ประกาศโค่นล้มรัฐบาลเวียดนามอยู่เป็นประจำ และชุง ประธานสมาคมไอเจเอวี เคยเขียนบทความเผยแพร่ในสำนักข่าวต่างประเทศ เรียกร้องให้เปลี่ยนระบอบการเมืองของเวียดนาม ผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน มีพฤติกรรมเป็นอันตรายต่อสังคม ทำให้เกิดการแตกแยกในสังคมและประชาชน
วันที่ 30 มี.ค.2564 ศาลในเวียดนามตัดสินจำคุกผู้ใช้งานเฟซบุ๊กเป็นเวลา 10 ปี หลังพบว่ามีความผิดฐานเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อต่อต้านรัฐบนสื่อสังคมออนไลน์ หวู เตียน จิ อายุ 55 ปี ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหา ‘ผลิต จัดเก็บ กระจายข้อมูล วัตถุ สิ่งของ เพื่อวัตถุประสงค์ในการต่อต้านรัฐ’ ในการพิจารณาคดีที่ใช้เวลาเพียง 1 วัน ในจ.เลิมด่ง ตามการระบุของกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ
เหวียน ถิ เกิม ถวี, โง ถิ ห่า เฟือง และเล เหวียด ฮว้า ถูกกล่าวหาว่าโพสต์โฆษณาชวนเชื่อต่อต้านรัฐบนบัญชีเฟซบุ๊กและยูทิวป์ของตัวเอง และนอกจากนี้ ถวี ยังได้ถ่ายทอดสดตัวเธอเองขณะกำลังเผาธงชาติเวียดนาม และธงพรรคคอมมิวนิสต์ของประเทศ