แบ่งแยกชัดเจน? “จตุพร” หนุนม็อบเรียกร้อง “ไล่ลุง” เพียงข้อเดียว ใครต้องการล้มสถาบันฯ เชิญสามกีบ!!

4985

หลังจากเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 64 ในเวทีเสวนา “สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย” ที่จัดโดยคณะญาติวีรชนพฤษภาทมิฬ และ 30 องค์กรประชาธิปไตย ซึ่งมีนักกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง ภาคสังคม เข้าร่วมระดมความเห็น

โดยครั้งนี้ นายจตุพร พรหมพันธ์ ประธาน นปช. กล่าวสรุปถึงการเคลื่อนไหวว่า วันที่ 4 เมษายน 2564 เวลา 16.00 น. ขอนัดที่อนุสาวรีย์วีรชนพฤษภา 35 จะมีกิจกรรมพูดคุยแลกเปลี่ยนจัดองค์กร และระหว่างนี้ต้องเดินสายพูดคุยกับผู้ที่เห็นต่างกันในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้ได้ความสามัคคีประชาชน จัดการกับพล.อ.ประยุทธ์ให้อยู่หมัด และหลังจากการหารือวันที่ 4 เมษายน แล้ว เชื่อว่าจะมีแนวทางที่ชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้หากสามารถให้ 3 พรรคร่วมรัฐบาล คือ พรรคภูมิใจไทย, พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยพัฒนา หากถอนจากการร่วมรัฐบาลได้ จะไม่ต้องลงถนน แต่หากหมดหนทางต้องขับไล่พล.อ.ประยุทธ์

“ประชาชนแต่ละภาคส่วนจะไม่ขัดแย้งกัน ต้องสามัคคีกัน ทั้งนี้ศึกนี้อีกยาวนาน เมื่อพร้อมเราจะรบ รู้ว่าพฤติกรรมของพล.อ.ประยุทธ์ และคณะไม่เหมือนเผด็จการที่เราเคยเห็น” สิ่งที่น่าจับตามองในส่วนการเคลื่อนไหวครั้งนี้ คือ ในอดีตนายจตุพร คือแกนนำพี่น้องคนเสื้อแดง ปลุกระดมมวลชนให้มาชุมนุม รัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนเกิดเหตุการณ์สำคัญ ๆ ทางการเมืองในอดีตมาแล้ว

แต่มาวันนี้ นายจตุพร กำลังจะรีเทิร์นกลับมารับบท “แกนนำม็อบ” รับไม้แทน “แกนนำม็อบราษฎร” ที่เป็นเยาวชน นักศึกษา ซึ่งได้พากันทยอยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เมื่อถูกแจ้งความดำเนินคดีด้วยกันหลายข้อหา ตั้งแต่ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปจนถึงความผิดในมาตรา 112 ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์

นอกจากนี้ยังได้ปรากฎภาพของนายจตุพร จับมือกับ ครูใหญ่ แกนนำม็อบราษฎร ซึ่งทางครูใหญ่เคยบอกไว้ว่า แม้จะอุดมการณ์ไม่เหมือนกัน แต่ก็ขอให้ความร่วมมือในครั้งนี้ ซึ่งทางฝั่งราษฎร มีแนวคิด 3 ข้อเรียกร้อง ว่าจะต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่, ยกเลิกมาตรา 112, และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องลาออก ตรงข้ามกับนายจตุพรที่เรียกร้องเพียงข้อเดียว ทำให้น่าจับตามองว่า การเคลื่อนไหวในครั้งนี้จมีคนเข้าร่วมมากน้อยเพียงใด ใครจะอยู่ข้างจตุพร และใครจะอยู่ข้างม็อบ 3 นิ้ว

ขณะที่ทางด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายจตุพร ประธานนปช. ที่พูดถึงนายกฯ ในวงสัมมนา “ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย” ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ว่าเสื้อเหลือง เสื้อแดง กปปส.ถูกนายกฯ หลอกสร้างความปรองดอง พร้อมนัดหารือเพื่อหาทางไล่รัฐบาล โดยยืนยันว่า นายกฯ เข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับชาติบ้านเมืองที่เกิดขึ้นในอดีต ซึ่งประเทศก็ได้รับการแก้ไขปัญหา พัฒนาประเทศไปหลายอย่างแล้ว

การประท้วง การเคลื่อนไหวต่าง ๆ ไม่ได้เป็นผลดีต่อบ้านเมืองเลย เหตุใดนายจตุพร ถึงอยากให้ประเทศกลับไปเป็นเช่นเดิมอีกในเมื่อประเทศกำลังเดินไปข้างหน้า และหากนายจตุพร จะออกมาเคลื่อนไหวอีกตนเองก็กลัวว่า จะถูกใช้เป็นเครื่องมือ ของผู้ชุมนุมที่เคลื่อนไหวล้มสถาบันอยู่ในขณะนี้ และสุดท้ายการเคลื่อนไหวของกลุ่มนายจตุพรก็จะกลายเป็นการเคลื่อนไหวล้มสถาบันแทน

ขณะนี้นายจตุพร กำลังหูเบาหลงทาง ถูกชักจูงจมูกโดยกลุ่มทุนม็อบสามนิ้ว ที่กำลังวางแผนล้มล้างสถาบัน และคิดล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไปสู่การปกครองแบบอื่นที่คนรักสถาบันรู้ดีว่า ในเป้าหมายของม็อบสามนิ้ว นายจตุพรไม่รู้จักเข็ดหลาบเดินการเมืองผิดพลาด ครั้งแล้วครั้งเล่า ตนก็เตือนด้วยความหวังดี แม้แต่คนสนิทใกล้ชิดที่สุดอย่าง ส.ส.อารีย์ ไกรนรา พรรคเพื่อชาติ และนายแรมโบ้คนนี้ ที่ถือว่าผูกพันคบกันมายาวนานเกือบ 40 ปี เรียนหนังสือมาด้วยกันตั้งแต่ ม.รามคำแหง ตักเตือนด้วยความหวังดีห่วงใย แต่ก็ยังดื้อรั้นเอาแต่ใจ ไม่ยอมรับฟัง ตนชักสงสัยว่าทำไมหูเบาตามืดตามัว ไปฟังใครเป่าหูมา คิดไม่เป็นหรือไรว่า ตอนนี้กลุ่มก้าวหน้าแกนนำม็อบสามนิ้ว หรือพรรคการเมืองบางพรรค มีเป้าหมายอะไร คิดจะแก้รัฐธรรมนูญหมวดไหน และพยายามแก้ไขยกเลิก มาตรา 112 เพื่อวัตถุประสงค์อะไร

“ทำไมคนอย่างนายจตุพร กินแกลบกินหญ้าหรืออย่างไร จึงคิดไม่ได้คิดไม่เป็น จึงยอมตกไปเป็นเครื่องมือคนเหล่านั้น ไม่อยากคิดแทนเลยว่า ไปรับงานใครมา ใครวางยาให้ หรือถ้านายจตุพร คิดเองตัดสินใจเอง ได้แค่นี้ก็ต้องบอกว่า เพื่อนเก่าคนนี้มีความคิดหรือมันสมองแย่ยิ่งกว่า “บัฟฟาโล่ (buffalo)” เสียจริง ๆ ส.ส.อารีย์กับแรมโบ้ถือว่าเป็นคนที่สนิทที่สุด เตือนด้วยความหวังดีแล้วไม่เชื่อก็ช่วยไม่ได้ ทางใครทางมันก็แล้วกัน”