จากกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ได้นัดหมายเดินทางไปกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2564 ที่ผ่านมา เพื่อยื่นหนังสือขอดูรายละเอียดสัญญารัฐบาลไทยทำกับแอสตร้าเซเนก้า
ที่เคยขอดูไปแล้วแต่กลับไม่ได้รับข้อมูล โดยระหว่างเดินทางไปหน้ากรมควบคุมโรค พบว่าถูกประชาชนกลุ่มหนึ่งราวร้อยคน โห่ไล่อยู่หน้าทางขึ้นกระทรวง และมีด่าทอใส่ด้วยถ้อยคำหยาบคาย จนเจ้าหน้าที่ต้องพาตัวนายวิโรจน์ไปที่อื่น
ขณะที่นายวิโรจน์บอกว่า มวลชนกลุ่มนี้ สวมเสื้อกลับด้าน ซึ่งมีข้อความ ซึ่งเป็นสโลแกนของพรรคการเมืองหนึ่ง รวมถึงมีโลโก้พรรคที่เสื้อด้านหน้า ซึ่งต่อมาเจ้าตัวได้โพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์ พร้อมระบุข้อความว่า “ถ้าคุณเป็นรมต. เป็นหัวหน้าพรรค แล้วมีคนแอบอ้างใส่เสื้อพรรคที่คุณเป็นหัวหน้าแบบกลับด้าน มาก่อความวุ่นวายคุกคามคนอื่น ที่กระทรวงที่คุณเป็น รมต. อยู่ โดยที่คุณไม่เกี่ยวข้องด้วย คุณจะทำอย่างไร” ถ้ามีการแอบอ้างจริง ผมขอให้กำลังใจคุณอนุทินไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะจับคนร้ายมาดำเนินคดีได้โดยเร็ว เพราะการแอบอ้างแบบนี้เสียหายมากต่อภาพลักษณ์ของ รมต. และหัวหน้าพรรคมากเลยครับ ขอเป็นกำลังใจให้ท่านครับ
จากข้อความดังกล่าว ทำให้คาดการณ์ได้ว่า มวลชนที่นายวิโรจน์เล่าว่าตนเองโดนโห่ไล่นั้น สวมเสื้อพรรคภูมิใจไทย จึงได้โพสต์ข้อความถามไปยังนายอนุทิน ขณะที่เรื่องการขอเอกสารที่รัฐบาลไทยลงสัญญาไว้กับ “แอสตร้าเซเนก้า” นั้น นายวิโรจน์ได้เดินตามรอย “ธนาธร” ที่เพิ่งโจมตีนายอนุทิน ในห้องคลับเฮ้าส์ ก่อนที่นายอนุทินจะออกมาชี้แจงแล้วว่า นายธนาธรนั้น นำเอกสารชุดข้อมูลเก่าออกมาโจมตีเรื่องแผนการฉีดวัคซีน และเป็นคนโกหกมาตั้งแต่ครั้งไลฟ์สด ใช้คำว่าวัคซีนพระราชทาน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2564 ที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และได้เปิดประเด็นกล่าวถึงกรณีของวัคซีนโควิด “ว่าเอื้อประโยชน์บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ แถมยังกระทบต่อสถาบัน พร้อมกล่าวตอนหนึ่งด้วยว่า “นโยบายราคาที่ไม่กำไร No profit No Loss ประยุทธ์และอนุทินก็พยายามอำพราง
อีกทั้งยังเปิดศึก ซัดไปยังนายอนุทิน ว่าเป็นกลิ่นหนูตาย เหม็นเน่า ไม่อยากเข้าใกล้ ต่อมานายอนุทินเลยขอซัดกลับ ระบุ คำว่าสำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล ซึ่งผู้ที่เข้าคุณสมบัตินี้มาใช้สภาแทนราษฎรอันทรงเกียรติแห่งนี้กล่าวโกหกคำโต สร้างความสับสนกับประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องสุขภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดร้ายแรง
ทำให้ทางด้านนายวิโรจน์ ออกมากล่าวว่า เป็นการเดินสวนกับนายอนุทินตามปกติในห้องน้ำ เพราะทางแคบและการเดินเฉียดกันเรียกว่ากราบแทบอกแล้วหรือ ทั้งที่คนเราไหว้ตามมารยาทคนไทย
จนบทสรุปสุดท้าย นายอนุทิน งัดข้อมูลทั้งหมดของแผนการจัดหาวัคซีนเพื่อคนไทย พร้อมกล่าวว่า “ผมให้คำยืนยันว่าวัคซีนที่จะนำมาให้พี่น้องประชาชนคนไทยนั้น เหมาะสมที่สุดและเข้าถึงง่ายที่สุด ไม่มีวันถูกตัดคิว ไม่มีคนมาแย่ง ไม่มีวันที่จะไม่ถึงมือ เพราะผลิตในบ้านเรา มั่นใจเพียงพอ และสามารถให้บริการกับประชาชนได้ครบถ้วน เรายังมีทางเลือกอื่นอีกมากมาย เพราะเรามีความเป็นผู้นำในระบบสาธารณสุข การที่มีโรงงานผลิตวัคซีนอยู่ในประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคอาเซียน เป็นความน่าภาคภูมิใจ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะมากรนด่า ลดขวัญกำลังใจคนทำงาน”
ที่ผ่านมาจะเห็นว่านายวิโรจน์ พยายามที่จะรับไม้ต่อจากนายธนาธร โจมตีเรื่องวัคซีนอย่างชัดเจน และเปิดศึกกับ “พรรคภูมิใจไทย” สวนหมัดต่อหมัด กับนายอนุทินกลางสภา และยังเคยโจมตีเรื่องวัคซีนของแอสตราเซเนก้า และบริษัทสยามไบโอฯ ว่า “สยามไบโอไซเอนซ์นี่ไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับประชาชนเลยนะครับ แต่ประชาชนต่างหากที่มีบุญคุณกับสยามไบโอไซเอนซ์”และเมื่อนายธนาธรโดนแฉว่า ใช้ข้อมูลเก่ามาดิสเครดิตรัฐบาล รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุขนั้น นายวิโรจน์ก็รีบไปที่กรมควบคุมโรค เพื่อจะขอดูเอกสารนั้น จนถูกโห่ไล่ และท้าว่านายอนุทินต้องรับผิดชอบ หาตัวคนที่ทำผิด ออกมาโห่ไล่ตนเอง เพราะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบภายใต้การทำงานของกระทรวงสาธารณสุข
สำหรับนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร หรือ โรจน์ วัย 42 ปี เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จบวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (วิศวกรรมยานยนต์) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาเอก สาขาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (เศรษฐศาสตร์) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
มีประสบการด้านงานบริหารธุรกิจค้าปลีก, บริหารทรัพยากรมนุษย์, บริหารธุรกิจการศึกษา และการพัฒนา และปรับปรุงหลักสูตรคณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ
ก่อนที่จะเล่นการเมือง นายวิโรจน์ติดตามงานนายปิยบุตร แสงกนกกุล และรู้จักนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในภายหลังร่วมกันตั้งพรรคอนาคตใหม่
และเส้นทางการเมืองของนายวิโรจน์ มาจากคำชักชวนของน้องคนหนึ่งที่รู้จักกันในทวิตเตอร์ และต่อมาได้มีการชักชวนให้นายวิโรจน์มาเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้จดจัดตั้งพรรคการเมือง และเมื่อทำงานกับพรรคอนาคตใหม่ไปเรื่อย ๆ เขาก็ได้รับคำชวนให้ไปลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 30
อย่างไรก็ตามการออกตัวโจมตีรัฐบาลอย่างต่อเนื่องจากนายวิโรจน์ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ได้กล่าวไว้ด้วยว่า “ฟังฝ่ายค้านตะโกนอภิปราย fakenews ในสภา vs ผอ.สถาบันชี้แจงเรื่องวัคซีน มีข้อแนะนำครับ ขอให้เร่งคืนเครื่องราชย์และใบปริญญาเอกโทตรีด่วน”