บันทึกเป็นบรรทัดฐาน! เปิดเหตุผลศาลไม่ให้ประกันเพนกวิน พร้อมแนะแนวทางได้ปล่อยตัว

3157

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งกับคำอธิบายเหตุผลในการไม่ให้ประกันตัว4แกนนำม็อบราษฎรในครั้งนี้ โดยเฉพาะกรณี เพนกวิน ที่ต้องถือว่า เป็นกรณีศึกษา เป็นบรรทัดฐานของกระบวนการยุติธรรมถึงแนวทางการวินิจฉัยคดีกับนักศึกษาเยาวชนเมื่อได้กระทำผิดซ้ำซาก!!!

โดยจากที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2564 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ภายหลังนางสุรีรัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร ได้เดินทางมายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนายพริษฐ์

ต่อมาสุดศาล ได้มีคำสั่งว่า คดีนี้ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว และศาลนี้ได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ผู้ร้องอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่าเกรงว่าจำเลยจะไปก่อเหตุร้ายอีก

“หลังจากนั้นผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว และอุทธรณ์คำสั่งขอปล่อยชั่วคราวอีกหลายครั้ง ศาลนี้เห็นว่าการที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวและได้ให้เหตุผลไว้แล้ว ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ย่อมเป็นการยุติว่าคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวของศาลชั้นต้นนั้นถูกต้องแล้ว

แม้กฎหมายจะอนุญาตให้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวใหม่ได้ แต่การยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวใหม่ซึ่งจะมีผลให้ศาลเปลี่ยนแปลงคำสั่งได้นั้น ต้องปรากฏว่าเป็นกรณีที่มีพฤติการณ์แห่งคดีได้เปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าในเหตุลักษณะคดี เช่น

มีการรวบรวมพยานหลักฐานแล้วปรากฎพยานหลักฐานเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108 อนุสอง หรือ มีพฤติการณ์เกี่ยวกับจำเลยอันแสดงว่าจำเลยนั้นจะไม่หลบหนี

หรือไม่สามารถไปก่อเหตุร้ายอื่นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น หากไม่มีข้อเท็จจริงในทางคดีที่เปลี่ยนแปลงไป ย่อมไม่มีเหตุที่ศาลจะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ทั้งนี้ ศาลหาจำต้องระบุเหตุผลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 ใหม่ไม่เพราะเท่ากับจะเป็นการคัดลอกข้อความที่ศาลนี้ และศาลอุทธรณ์ได้เคยมีคำสั่งไว้แล้ว ยิ่งเมื่อศาลนี้ได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งยืนตามต่อเนื่องกันมาหลายครั้ง หากศาลจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งโดยไม่มีเหตุ ย่อมเป็นการวินิจฉัยคดีตามอำเภอใจ ไม่เป็นแนวทางที่ชอบด้วยกฎหมาย

“ส่วนที่ผู้ร้องอ้างว่าจำเลยที่ 1 อาจเจ็บป่วยเพราะมีโรคประจำตัวนั้น ขณะนี้ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 มีอาการเจ็บป่วยจริงจนถึงขนาดไม่สามารถรักษาพยาบาลภายในเรือนจำได้

ส่วนที่จำเลยที่ 1 เป็นนักศึกษานั้น มีเพียงเหตุผลให้คาดคะเนได้ว่าจะไม่สะดวกในการศึกษาเล่าเรียนเท่านั้น ยังไม่มีข้อเท็จจริงชัดเจนว่าจะกระทบต่อการเรียนของจำเลยที่ 1 อย่างชัดเจนร้ายแรงอย่างไร

ส่วนการดูแลครอบครัว และการประกอบอาชีพของจำเลยอื่น ก็เป็นเหตุความขัดข้องทั่วไปของบุคคลซึ่งต้องคดี ยังไม่มีข้อเท็จจริงที่เป็นรูปธรรมว่าจำเลยทั้งหมดได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ จนถึงขนาดที่จะมีผลเพราะให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมที่ศาลสั่งไว้โดยชอบแล้ว ยกคำร้อง”

นั่นคือเหตุผลของศาลในการวินิจฉัยการยื่นขอประกันตัวครั้งที่สี่ของจำเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่กล่าวไว้แล้วนั่นคือ ตัวเพนกวิน จะอ้างเหตุผลป่วยมีโรคประจำตัว ยังเป็นนักศึกษา และยังเป็นตัวหลักของครอบครัวในการหารายได้นั้น ล้วนฟังไม่ขึ้น ไม่สามารถนำมาหักล้างได้ นี่จึงต้องถือว่า เป็นบรรทัดฐาน ที่น่าสนใจยิ่งต่อบรรดาแกนนำ หรือแนวร่วม ที่ยังเป็นเยาวชนและนักศึกษาพึงตระหนัก และสำเหนียก!!!