หลังจากที่ศาลอาญาได้อ่านคำพิพาษา ในคดีของกลุ่มกปปส. ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. กับพวกแกนนำและแนวร่วม กปปส. รวม 39 คน เป็นจำเลย
ต่อมาทางด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น ว่าให้จำคุกคดีที่เกี่ยวข้องกับแกนนำกลุ่มกปปส. โดยมี 3 รัฐมนตรีในรัฐบาลรวมอยู่ด้วย ว่า เมื่อศาลมีคำตัดสินจำคุกผู้เป็นรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (7) จะหลุดจากตำแหน่งทันทีตั้งแต่มีคำพิพากษา ส่วนตำแหน่ง ส.ส. จะหลุดด้วยหรือไม่นั้น ถ้าศาลไม่ได้เพิกถอนสิทธิทางการเมืองก็ไม่เป็นไร
ล่าสุดทางด้านนายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา ได้ออกมาโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm ระบุถึงการตัดสินคดีของกลุ่มกปปส.ว่า พฤติกรรมคู่ขัดแย้งของกปปส.ในทางประวัติศาสตร์ ตื่นเช้ามาทำให้คิดได้ว่า แม้สมัยหนึ่งข้าพเจ้าจะไม่ค่อยปลื้มลุงกำนันสุเทพเรื่องเขมรและปราสาทพระวิหาร
แต่เมื่อฟังข้อมูลคำพิพากษาที่แกนนำกปปส.ถูกตัดสินในคดีแล้วต้องยอมรับว่าเห็นใจและเข้าใจสิ่งที่ทำไป ซึ่งแตกต่างจากพฤติกรรมของทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ที่มีพฤติกรรมตรงกันข้าม ทั้งทุจริตคอรัปชั่น ทั้งขาดวุฒิภาวะความรับผิดชอบ ไม่ใช่เฉพาะประชาชนตาดำ ๆ ที่ถูกเขาหลอกให้ติดกับดักการเมืองจนถึงทุกวันนี้ แม้แต่คนร่วมพรรคการเมืองพรรคเดียวกันก็โดนหลอกจนหัวปั่นเกิดความเสียหายถึงขั้นติดคุก เพราะความภักดีก็มี
ประวัติศาสตร์จารึกพฤติกรรมของคุณทักษิณ-ยิ่งลักษณ์เช่นไร ประวัติศาสตร์ของคุณสุเทพและคณะกปปส.ก็ย่อมถูกบันทึกจากความจริง นี่ไม่นับรวมกับพฤติกรรมของม็อบ 3 นิ้ว ที่แตกต่างกันราวสวรรค์กับนรก
พฤติกรรมของมนุษย์ในประวัติศาสตร์มันสะท้อนถึงความคิดความรู้สึกที่ออกมาจากใจจริงให้เห็น เมื่อถือธงชาติผืนเดียวกัน แต่มีจิตใจต่ำตม ธงชาติผืนนั้นเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นถึงกมลสันดานความรักชาติที่แตกต่างกัน
คุณทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ใช้แต่ปากพูด แต่มีพฤติกรรมเกลียดชาติตนเองมิได้เคารพในสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานยิ่งมีตำแหน่งเป็นถึงนายกรัฐมนตรี ต้องมีความรับผิดชอบและเคารพกฎหมายเป็นตัวอย่าง แต่ทั้งสองต่างหลบหนีออกนอกประเทศไปเสวยสุขในต่างแดน ทอดทิ้งเพื่อนร่วมชะตากรรมและประชาชนที่เขาพร่ำพูดว่ารักใคร่หนักหนา เขายอมนิ่งดูดายประชาชนให้ตกทุกข์ได้ยากเพื่อเอาตัวเองรอด
นี่คือความแตกต่างจากกลุ่มคุณสุเทพและแกนนำ กปปส. ซึ่งอย่างน้อย ๆ ยังมีความรับผิดชอบไม่หลบหนีและไม่ใช้อภิสิทธิ์ใด ๆ ยอมก้มหน้ารับคำตัดสิน ส่วนม็อบ 3 นิ้วนั้น เป็นเพียงแค่กากเดนสังคม และจิตใจต่างกันมากเพราะยังโอดครวญกันเรื่องขอประกันตัวอยู่เลย ที่ร้ายแรงคือการจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบัน
เมื่อเราพิจารณาจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของคู่ขัดแย้งของกลุ่มกปปส. และเปรียบเทียบพฤติกรรมของม็อบ 3 นิ้ว มันจึงเห็นได้ชัดว่าพฤติกรรม จริยธรรมทางการเมืองหรือรู้รับผิดชอบต่อประชาชนโดยส่วนรวมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
คุณทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ไม่ควรมีใครเอาเป็นเยี่ยงอย่างเพราะพฤติกรรมจัดว่าเลวเป็นที่สุด ข้าพเจ้าจึงขอยกย่องพฤติกรรมของคุณสุเทพและกลุ่มกปปส.ครับ
นอกจากนี้พฤติกรรมของกลุ่มกปปส. ยังเป็นไปตามที่นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตบิ๊กข่าวกรอง กล่าวไว้ด้วยว่า ” มั่นใจว่าแกนนำกปปส. ทุกคน รู้ตัวดีว่าการตัดสินใจทิ้งทุกสิ่ง ออกเดินนำหน้ามวลชนต่อสู้กับอำนาจเถื่อน สุดท้ายจะพบกับอะไร
แกนนำทุกคนมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม ให้มันจบที่ศาล เชิดหน้าเดินเข้าคุก ไม่ฟูมฟาย ไม่ก้มหน้า ไม่วิ่งหนี หางจุกตูดเหมือนหมา หลบสบายอยู่เมืองนอก ปล่อยมวลชนและลูกน้องติดคุก นับถือน้ำใจบรรดาแกนนำ ที่ยอมเสียสละความสุขของตัวเองเพื่ออนาคต ไม่มีเขาวันนั้น ไม่มีลุงตู่ในวันนี้ขอให้มวลชนคนไทยผนึกกำลังกันไว้ มั่นคงในอุดมการณ์ ต่อต้านการทุจริต เราจะไม่ลืมเขาเหล่านั้น แม้วันนี้จะล้มลง ยังคงลุกขึ้นได้ใหม่”
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา เราจะเห็นชัดถึงพฤติกรรมของม็อบ 3 นิ้ว ที่เวลาออกมาชุมนุม ทั้งป่วนทำลายข้าวของ ทำลายทรัพย์สินราชการ จาบจ้วงสถาบัน หมิ่นเกียรติเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเมื่อถึงเวลาถูกจับกุมตัว ก็จะปลุกระดมเรียกลูกก๊วนออกมาต่อสู้ หาใช่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างที่เคยป่าวประกาศ ส่วนกรณีของทักษิณและยิ่งลักษณ์ ก็ให้ลูกน้องรับผิดแทนตัวเอง ทิ้งปัญหาไว้ให้คนข้างหลังต้องการจัดแก้ไข
จนถึงตอนนี้ยังมีพวกก๊วนม็อบ 3 นิ้ว เต้าข่าวว่า การที่ศาลตัดสินคดีกลุ่มกปปส. เป็นการจัดฉากเท่านั้น เพื่อจะสร้างความชอบธรรมในการจับตัวแกนนำม็อบ 3 นิ้ว เท่านั้น จึงเป็นที่มาของพฤติกรรมที่ต่างกันราวสวรรค์ นรก ตามที่นายเทพมนตรี ลิมปพยอม กล่าวไว้ทุกประการ