ยังลุ้นระทึกว่าจำเลยทั้ง39คนของกปปส.จะมีความผิดหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3แกนนำหลักซึ่งขณะนี้มีสถานะตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ด้วย
เพราะหากศาลมีคำตัดสินออกมาในด้านลบ นั่นคือมีความผิดให้จำคุกจะทำให้หลุดจากตำแหน่ง และนั่นเองที่จะสร้างแรงกระเพื่อมภายในรัฐบาล ที่ภายในพรรคต้นสังกัดจะต้องหาคนเข้าดำรงตำแหน่งแทน
จากที่วันนี้ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งศาลอาญาได้นัดฟังคำพิพากษาคดีกบฏ กปปส. ชุดใหญ่สำนวนหลัก หมายเลขดำ อ.247/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. กับพวกรวม 39 คน
โดยทั้งหมดเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ ก่อการร้าย ล้มล้างระบอบการปกครอง มั่วสุมชุมนุมก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ และข้อหาอื่นๆ ซึ่งอัยการโจทก์ยื่นสำนวนฟ้องต่อศาลอาญาเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2561 โดยนายสุเทพกับพวกจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัวทุกคน
สำหรับจำเลยคดีนี้มีทั้งสิ้น 39 คน ประกอบด้วย 1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ 2. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย 3. นายชุมพล จุลใส 4. นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 5. นายอิสสระ สมชัย 6. นายวิทยา แก้วภราดัย 7. นายถาวร เสนเนียม 8. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 9. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ 10. นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
- พลเอกปรีชา เอี่ยมสุพรรณ 12. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 13. นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ 14นายถนอม อ่อนเกตุพล 15. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 16. นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ พุทธะอิสระ 17. นายสาธิต เซกัล 18. นางสาวรังสิมา รอดรัศมี 19. พลอากาศโทวัชระ ฤทธาคนี
20.พลเรือเอกชัย สุวรรณภาพ 21. นายแก้วสรร อติโพธิ 22. นายไพบูลย์ นิติตะวัน 23. นายถวิล เปลี่ยนศรี 24. เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ 25. นายมั่นแม้น กะการดี 26. นายคมสัน ทองศิริ 27. พลเอกปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ 28. นายพิภพ ธงไชย 29. นายสาวิทย์ แก้วหวาน 30.นายสุริยะใส กตะศิลา 31. นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด
32.นายสุภวัฒน์ สุปิยะพาณิชย์ 33.นายสำราญ รอดเพชร 34.นายอมร อมรรัตนานนท์ 35. นายพิเชฐ พัฒนโชติ 36. นายสมบูรณ์ ทองบุราณ 37.นายกิตติชัย ใสสะอาด 38.นางทยา ทีปสุวรรณ 39 นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
นี่เองที่ทำให้ต้องจับตามอง 3 จำเลยคนสำคัญ ที่นั่งแท่นรัฐมนตรี คือ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ , นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
เนื่องจากว่าทั้ง 3 รัฐมนตรี มีโอกาสสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี ตามมาตรา 182 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หากศาลตัดสินจำคุกโดยไม่รอลงอาญา หรือแม้แต่ว่า ศาลฯได้ตัดสินจำคุกโดยให้รอลงอาญาก็ตาม ซึ่งนั่นคือประเด็นที่จะต้องติดตามต่อไปว่า หากทั้งหมดหลุดพ้นความเป็นรัฐมนตรี ใครจะเข้ามาแทน นั่นก็หมายความว่าจะต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรี
และล่าสุดนั้นศาลพิพากษาให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จำคุก 5 ปี นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จำคุก 7 ปี นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ จำคุก 6 ปี 16 เดือน และนายถาวร เสนเนียม จำคุก 5 ปี
นี่เองจึงต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่โดยเริ่มกันที่พรรคพลังประชารัฐ ที่มีรัฐมนตรีเรียกว่าโควต้ากปปส.ถึงสองตำแหน่ง และที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งทั้งสองตำแหน่งนี้ ล้วนเป็นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการฯทั้งสิ้น ไม่ว่านายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งแน่นอนว่าย่อมเกิดแรงกระเพื่อมอย่างหนักภายในพรรคพลังประชารัฐ จะต้องมีการแย่งกันอย่างแน่นอน และขณะนี้เองก็มีรายงานข่าวว่ามีการวิ่งเต้นล็อบบี้ภายในพรรคกันอย่างครึกโครมแล้ว โดยเฉพาะกับ 3รัฐมนตรีช่วยโควตาพลังประชารัฐที่อยากขยับนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการฯ
ไม่ว่าจะเป็น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ร้อยเอกธรรมนัส พรมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคลัง ซึ่งทั้งหมดเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการฯที่ต้องการขยับขึ้นไปทดแทน สองตำแหน่งที่หลุดไป อันเป็นโควตาของพลังประชารัฐ และขณะนี้กำลังวิ่งเต้นกันอย่างหนักแล้ว
ส่วนทางด้านพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีนายถาวร ที่นั่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมอยู่ หากต้องพ้นสภาพจากตำแหน่งไปก็ต้องมีการหาคนใหม่ทดแทน ซึ่งเป็นโควตาของพรรค และแน่นอนว่า ทุกคนก็ปรารถนาที่จะได้มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีสักครั้งในชีวิตนักการเมือง ก็ย้อมวิ่งเต้นล็อบบี้ต่อสู้กันอย่างหนักด้วยเช่นกัน กระนั้นก็มีปัจจัยแทรกซ้อนจากภายนอกด้วยหากว่า ฝั่งภูมิใจไทยซึ่งกำลังเติบโตขยายฐานกุมข่ายอำนาจทางการเมืองมีความสำเร็จในการบริหารจัดการงานเป็นอย่างดีทั้งยังมีจำนวนส.ส.ในสภามากกว่าประชาธิปัตย์ด้วย อาจเป็นไปได้ที่จะขอโควตานี้จากประชาธิปัตย์กลับไปให้คนในพรรค
นอกจากนี้รอยร้าวจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ก็เกิดความบาดหมางกันระหว่างภูมิใจไทยกับพลังประชารัฐ ในการโหวตลงมตินายศักดิ์สยาม ชิดชอบ น้องชายนายเนวิน อีกทั้งความขัดแย้กับพรรคประชาธิปัตย์ก่อนหน้านี้ในเรื่องโควต้ารัฐมนตรี และการบริหารจัดการงานภายใต้รัฐบาล ในกระทรวงคมนาคมระหว่างนายศักดิ์สยามกับนายถาวร ก็ปรากฏข่าวออกมาให้สังคมได้รับรู้มาเป็นระยะ กับล่าสุดในเรื่องการลงมติเลื่อนพิจารณาวาระแก้รัฐธรรมนูญวันนี้ก็มีการเอาคืนกันเกิดขึ้น เมื่อพลังประชารัฐก็ให้เลื่อนพิจารณาแต่ภูมิใจไทยไม่เห็นด้วยก่อนวอล์คเอ้าท์ออกจากที่ประชุมสภาฯ
ทั้งหลายทั้งมวลเหล่านี้จึงต้องจับตาอย่าได้กระพริบเมื่อ3รัฐมนตรีที่เป็นแกนนำกปปส.ในวันนี้ต้องวิบากทำให้หลุดพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว นับจากนี้ย่อมส่งผลสะเทือนต่อการเมือง สถานภาพรัฐบาล อันเกิดจากการการแย่งตำแหน่งเขย่าครม.รอบใหม่!!!
