บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือที่ใครๆก็เรียกบัตรคนจนจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เร็วๆนี้ กระทรวงการคลังแย้มว่าจะมีการเปิดลงทะเบียน “บัตรคนจน” รอบใหม่หลังจบมาตรการ “เราชนะ” เปิดตัวเลขคนถือบัตรเดิม 13.8 ล้านคน ต้องลงทะเบียนใหม่ทุกราย แย้มเกณฑ์ใหม่จะพิจารณารายได้รายครัวเรือน ต่อไปจะทบทวนสิทธิใหม่ทุกปี เพื่ออัพเดตข้อมูลคนจนที่รัฐบาลต้องดูแลอย่างแท้จริง ล้างข้อมูลใหม่ตรวจสอบถึงบ้าน เพื่อพัฒนาระบบสวัสดิการแห่งรัฐให้ครอบคลุมตรงกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง
ที่ผ่านมามีข้อครหาการใช้บัตรสวัสดิการ ว่าไม่ใช่บัตรคนจนจริง เพราะคนไม่จนถือบัตรนี้กันเยอะแยะและรัฐไม่สามารถหาวิธีการมาตรวจสอบคัดกรองได้อย่างมีประสิทธิภาพพอ ทั้งนี้ชาวบ้านต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงผลการมีบัตรนี้ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ได้แก่ ข้อดี – ช่วยแบ่งรายจ่ายให้ประชาชน ถึงแม้จะไม่มาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มี ข้อเสีย – รัฐต้องหาเงินมาอุดเพื่อลดภาระการคลังของประเทศ ซึ่งก็คือภาษีของประชาชน ข้อท้วงติง – การคัดกรองคนที่ได้สิทธิ์ไม่แม่นยำ มีคนจำนวนมากไม่ควรได้บัตรนี้ เช่น คนหนึ่งเป็นแม่ค้า ไม่มีรายได้ในระบบ แต่ค้าขายได้กำไรวันละหลายพันบาท แต่ได้บัตร บางคนมีบ้านหลังใหญ่มาก มีรถยนตร์หลายคัน มีที่ดินไม่น้อย แต่ก็ได้บัตร เช่นกัน ถ้าเพิ่มการคัดกรองให้ดีกว่านี้ บัตรนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้มีรายได้น้อยได้อย่างแท้จริง
วันที่ 21 ก.พ.2564 นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมจะเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ในเร็ว ๆ นี้ โดยอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้คาดจะดำเนินการหลังจากการเปิดลงทะเบียนโครงการ “เราชนะ” เสร็จสิ้นเรียบร้อย
ในระหว่างการดำเนินการ มาตรการเยียวยาของรัฐหลายโครงการ พบว่ามีประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษจำนวนมาก เช่น ไม่สามารถเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต ไม่มีสมาร์ทโฟน ทำให้ไม่สามารถใช้งานแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ได้ หรือผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง ช่วยตนเองไม่ได้ ผู้พิการ คนป่วยคนชราที่อยู่ตามลำพังเป็นต้น ทำให้หน่วยงานของรัฐได้เห็นว่า ยังมีประชาชนที่มีรายได้น้อย แต่เข้าไม่ถึงสิทธิบัตรสวัสดิการของรัฐอยู่อีกไม่น้อย จึงต้องทบทวนสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใหม่
“ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเปิดลงทะเบียนหลังจากจบโครงการเราชนะทันทีเลยหรือไม่ อย่างไรก็ดี จะพยายามทำให้เต็มที่ โดยหลักเกณฑ์ที่จะพิจารณาหลัก ๆ คือ เรื่องของรายได้ จะต้องเป็นผู้มีรายได้น้อยตามเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังกำหนด” นายกฤษฎากล่าว
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ภายในปีนี้จะมีการทบทวนสิทธิรอบใหม่สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งปัจจุบันล่าสุดมีอยู่ 13.8 ล้านคน โดยกระทรวงการคลังจะประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อสรุป
หลังจากจบการลงทะเบียนโครงการเราชนะ ช่วงเดือน มี.ค. 2564 ซึ่งจะเป็นการเปิดให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการ และประชาชนทั่วไป เข้ามาลงทะเบียนรับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ และจากนี้ไป กระทรวงการคลังจะมีการทบทวนข้อมูลผู้ถือบัตรสวัสดิการในทุก ๆ ปี เพื่อเป็นการอัพเดตข้อมูล หลังจากที่ผ่านมาไม่ได้ทบทวนสิทธิผู้ถือบัตรสวัสดิการมา 2-3 ปีแล้ว
เดิมนั้นก.คลังจะเปิดทบทวนบัตรสวัสดิการรอบใหม่ตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา แต่เจอโควิด-19 ระบาดรอบใหม่จึงชะลอออกไปก่อน โดยหลังจากจบการลงทะเบียนโครงการเราชนะ ในเดือน มี.ค.นี้ กระทรวงการคลังจะเร่งทำเพื่อหาข้อสรุปอีกครั้ง โดยกลุ่มเดิมที่ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐอยู่แล้วก็ต้องเข้ามาลงทะเบียนทบทวนใหม่ทุกคน ซึ่งเป็นเหมือนกับการพิจารณาเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้สอดคล้องความเป็นจริงในปัจจุบัน
เช่น กรณีมีคนได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการ ในช่วงนั้นไม่มีรายได้ไม่มีงานทำ แต่ตอนนี้ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการแล้ว ถ้าเปิดลงทะเบียนรอบใหม่ ข้าราชการก็จะไม่มาลงทะเบียนแล้ว เพราะมีเงินเดือนเกินกว่า 1 แสนบาทต่อปี หรือถ้าคิดว่าไม่ผ่านเกณฑ์ แต่เข้ามาสมัครก็จะถูกคัดกรองออกไปอีกที
ทั้งนี้ การเปิดทบทวนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐครั้งนี้ จะกำหนดเกณฑ์และเงื่อนไขใหม่ โดยจะพิจารณาคุณสมบัติจากรายได้ครัวเรือนเป็นหลัก ต่างจากกที่ผ่านมา ที่พิจารณาจากรายได้รายบุคคล เช่น ภรรยาในครอบครัวนั้นเป็นผู้ไม่มีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่สามีเป็นผู้มีเงินได้จำนวนมาก
ที่ผ่านมาภรรยาก็จะได้รับสิทธิ แต่รอบนี้จะพิจารณาเกณฑ์รายได้ครอบครัว ส่วนเกณฑ์ขั้นต่ำที่พิจารณารายได้ของครอบครัวนั้น ยังต้องหารือเพื่อสรุปอีกครั้งส่วนเมื่อปรับเกณฑ์เป็นดูรายครอบครัวแล้ว จะทำให้มีผู้เข้าร่วมโครงการน้อยลงหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถบอกได้
อย่างไรก็ดีก็ต้องมาพิจารณาอีกครั้ง เพราะการเปิดลงทะเบียนผ่านมาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว ก็จะมีทั้งคนที่มีรายได้เพิ่มขึ้น และคนที่ได้รับผลกระทบแล้วทำให้รายได้ลดลงก็มี
ในปีงบประมาณ 2564 (ต.ค. 2563-ก.ย. 2564) รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เพื่อสนับสนุนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเป็นกองทุนที่ตั้งขึ้นมาเพื่อบริหารจัดการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน รวมทั้งสิ้น 49,500.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 9,500 ล้านบาท จากปีงบประมาณ 2563