หลังจากที่การชุมนุมของก๊วนราษฎรเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา ได้จบลงอย่างเงียบเหงา เพราะมีรายงานผู้ชุมนุมที่หน้ารัฐสภาประมาณ 600-700 เท่านั้น
ท่ามกลางการคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4,000 นาย ซึ่งการชุมนุมครั้งนี้แกนนำอย่าง รุ้ง ปนัสยา และเบนจา ถึงกับหน้าซีดใจหาย ว่าคนมาน้อยเหลือเกิน จนลามให้พาลไปถึงเชื้อโควิด ว่าทำให้ม็อบร้าง ผิดแผนไปจากเดิมอย่างมาก
ล่าสุดเรื่องนี้ ทำให้ทางด้านพล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาดังนี้…ถ้าหมดรุ่นเราแล้วจะทำอย่างไร ?
วันนี้ผมไปพูดคุยกับกลุ่มสยามวิวัฒน์ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่รักชาติรักบ้านเมือง ที่มีอายุประมาณ 40 ขึ้นไป ที่สโมสรหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านแจ้งวัฒนะ ถามตอบกันสนุกสนานตามประสาคนรุ่นเก่า มีคำถามที่น่าสนใจอยู่คำถามหนึ่งว่า “ถ้าหมดคนรุ่นเราแล้ว จะทำอย่างไรกัน” ผมก็ตอบว่า
1.“คนรุ่นเราไม่มีวันหมดไปจากประเทศไทย” ความจงรักภักดีต่อสถาบันฯนั้นฝังรากลึกอยู่ในวัฒนธรรมไทยมานานแล้ว เพียงแต่บางคนยังไม่รู้สึกตัวเท่านั้น เพราะสันดานตะวันตกยังติดตัวอยู่ ต้องรอเวลาหน่อย พอติดคุกสติคงจะดีขึ้นมาบ้าง
2. คนรุ่นใหม่ที่สังกัดพวก “สามกีบ” ในปัจจุบัน มีไม่เกิน 1 หมื่นคน ต่อจำนวนประชากรไทย เกือบ 70 ล้านคน มันน้อยจริง ๆ และยิ่งเคลื่อนไหว ก็ยิ่งลดลงไปเรื่อย ๆ
3. ในส่วนที่ยังใช้เท้า 3 กีบเดินกันอยู่นั้น ส่วนหนึ่งมีอุดมการณ์ในยุค Gen ใหม่ ที่มุ่งมั่นบ้าระบบความคิดแบบตะวันตก อีกเกือบครึ่งหนึ่งมาจากพวกที่ไม่พอใจในตัวเอง บางคนอยู่ในจำพวกสงสารตัวเอง หรือพวกต้องการสถานภาพในสังคมฯ
พวกนี้ขยันสร้างปมด้อยขึ้นมาเอง เช่น อ้วนไปบ้าง (ผมก็อยู่ในประเภทอ้วนไปเหมือนกัน แต่ก็พอใจตัวเอง เพราะคนอ้วนมีมากมาย ส่วนใหญ่อ้วนเพราะมีความสุขในชีวิตไง) จากนั้นก็พวกผอมไปบ้าง หรือยากจน แต่ไม่ยอมทำมาหากิน เป็นต้น แล้วยังมีพวกมาหามุมเก๋ ๆ ถ่ายภาพในม็อบ
พวกมารับเบี้ยเลี้ยง พวกมากินฟรี ฯ
ส่วนพวกที่มุ่งมั่น เมื่ออายุมาถึงรุ่นพวกเราก็จะรู้ว่า ตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นดวงอาทิตย์ที่ดึงดูดให้ประเทศอื่นหมุนตามอีกแล้ว มันก็จะเลิกบ้าเองครับ ดังนั้นคนรุ่นเราไม่มีวันหมดครับ แต่คนรุ่น 3 กีบน่ะ ไม่แน่..
