หลังจากที่ “รุ้ง ปนัสยา” ยื่นจดหมายเปิดผนึก 5 หน่วยงานยุติธรรม เรียกร้องปล่อยตัว 4 ผู้ต้องหา ม.112 ชี้ศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกันเป็นการละเมิดสิทธิตามรธน. อย่าละทิ้งเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรี ตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง พร้อมเปิดเผยด้วยว่า ตัวเองตรียมใจไม่รอด นอนคุกในวันที่ 17 ก.พ. หลังจากที่อัยการส่งฟ้องคดี ม.112 พร้อมกล่าวขอโทษที่คุมม็อบวันที่ 13 ก.พ. ไม่อยู่
ขณะที่ ไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอก ก็ได้เคลื่อนไหวสั่งเสียไว้ว่า “หากพรุ่งนี้ผมถูกฝากขัง ขอให้คนข้างหลังจงเดินสู้สู่เส้นชัย อย่าหยุดรอ อย่าท้อ อย่าหวั่นไหว เดินหน้าไป ก้าวข้ามผ่านกาลเวลา #หมดศรัทธาตราชั่งทอง”
ล่าสุดในเฟซบุ๊กของนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการผู้ลี้ภัย ที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของม็อบ 3 นิ้ว ได้ออกมาโพสต์ข้อความแผนการเคลื่อนมวลชน หลังหลายแกนนำต้องเข้ารับฟังคดีที่อัยการจะสั่งฟ้อง โดยระบุว่า “สมมุติเราแบ่งมวลชนคร่าว ๆ ออกเป็นสี่กลุ่ม
กลุ่มแรก พวกที่เชียร์ก้าวไกล พวกนี้ส่วนใหญ่ที่สุด เห็นด้วยกับการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ แรกทีเดียวยังไม่ออกหน้ามาสนับสนุน พอผู้นำพรรคเปลี่ยนมาแสดงออกสนับสนุน จึงสนับสนุนตาม
กลุ่มที่สอง นี่คือมวลชนที่สนับสนุนทักษิณ พวกนี้อันที่จริงเห็นด้วยกับการปฏิรูปสถาบันฯ แต่เห็นด้วยกับทักษิณมากกว่า นี่เป็นปัญหาใหญ่ของการปฏิรูปสถาบันฯ พรรคทักษิณนั้น มีนโยบายสองด้านเกี่ยวกับสถาบันฯมาแต่ไหนแต่ไร ด้านหนึ่ง (ซึ่งเป็นด้านหลัก) เชียร์สถาบันฯ เชียร์วชิราลงกรณ์ (ในหลวง) “เน้นด้านเศรษฐกิจ” แต่อีกด้านหนึ่ง (นี่เป็นด้านรองมาก) ก็ไม่คัดค้านการที่ผู้สนับสนุนจำนวนมาก (โดยเฉพาะในต่างประเทศ) จะออกมาโจมตีสถาบันฯ มีบ้างเหมือนกัน ที่พวกนี้จะออกมา “เชียร์สถาบันฯ” หรือพูดโจมตีพวกแรกบ้าง
กลุ่มที่สาม พวกที่สนับสนุนฝ่ายรัฐบาล พวกนี้มีหลายกลุ่ม ตั้งแต่พวกที่เห็นด้วยอย่างเงียบ ๆ กับการวิจารณ์สถาบันฯ ปัญหาใหญ่ของคนเหล่านี้เกลียดทักษิณ เกลียดธนาธร เรื่องสถาบันฯไม่ใช่เรื่องใหญ่ของพวกเขา
กลุ่มสุดท้าย พวกที่กระตือรือล้นในการเชียร์สถาบันฯ พวกนี้อันที่จริงมีไม่มาก แต่กระตือรือล้น สนับสนุนมาตรการเด็ดขาด”
ต่อมาทางด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) จึงได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุ ว่า ตอกกลับ..นายสมศักดิ์ ว่า ทำ survey research แล้ว run cluster analysis ทำ market segmentation ด้วย psychographic segmentation ด้วยตัวแปรทางจิตวิทยาตัวแปรไหน นักวิชาการชั้นสูงสมเทียม ผักไม่เจียมกะลาหัว
ทั้งนี้จากการแบ่ง 4 กลุ่มของนายสมศักดิ์ จะเห็นว่า เป็นการเป็นแบ่งตามอารมณ์ที่รู้สึกไปเอง โดยเฉพาะในข้อ 4 ที่เจ้าตัวพูดว่า คนรักสถาบันมีไม่มาก ได้มีคอมเม้นต์ตอบกลับจากโซเชียลด้วยว่า
“กลุ่มสุดท้าย ดูเหมือนมีไม่มาก แต่เขามีตัวตนอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง มากกว่าอิงกระแสโซเชียล …42-0 น่าจะเป็นตัวชี้วัดพลังเงียบได้นะคะ”
มั่วขั้นสุด กะดึงจิตวิทยามวลชน ว่าตนเป็นเสียงข้างมาก
เหมือนเจียมจะโพสต์นี้แก้เก้อจากโพสต์ก่อนครับ ที่ว่ามวลชนเห็นด้วยกับฝั่งม็อบน้อย โพสต์นี้แหละพาสามกีบเสียขวัญ แต่พูดให้เหมือนมีหลักการ แต่จริง ๆ กลวง
กลุ่มสุดท้ายนี่ไม่น้อยน่ะ กลุ่มสุดท้ายนี่แหละที่ทำให้ธนาธร แลนด์สไลด์กลบตัวเอง คือมันชัดเจนในตัวมันเองครับ!!!
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายสมศักดิ์ ได้โพสต์ว่า “ตอนนี้ ไม่ว่าจะประเมินอย่างไร ต้องบอกว่า เรายังไม่พร้อม ยังมีคนจำนวนมหาศาลที่ยังไม่เอาด้วยกับเรา
นอกจากนี้ เฉพาะหน้า มีเพื่อนเราถูกจับ ไม่ให้ประกัน เราต้องยึดมั่นในใจไว้ให้ดี การปะทะตอนนี้ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น”
จากคำพูดที่ว่ายังมีอีกกลุ่มที่เชียร์สถาบันฯ แต่ว่ามีไม่มาก ก็คงเป็นเพียงคำพูดย้อนแย้ง และเรียกขวัญให้กับแกนนำที่กำลังจะคอตกเข้าเรือนจำ เพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัวก็พาเสียขวัญกันไปทั้งม็อบ ว่ามวลชนที่เห็นด้วย ไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น สำหรับกลุ่มคนรักสถาบัน เราจะเห็นได้ชัดในเวลาที่มีการรับเสด็จในหลวง-พระราชินี รวมถึงการลงรายชื่อคัดค้านมาตรา 112 ที่มีมากกว่า 1 แสนรายชื่อ มากกว่าจำนวนคนที่เคยมาร่วมม็อบเสียอีก นอกจากนี้ยังทำให้มีการตั้งคำถามด้วยว่า ตัวของนายสมศักดิ์ เอง เคยเป็นอาจารย์สอนนักเรียนมาก่อน แม้วันนี้จะเป็นผู้ลี้ภัยในคดีม.112 แต่กลับไม่หลงเหลือจิตวิญญาณของความเป็นครู ปั่นหัวพวกแกนนำ เสี้ยมจนเด็กติดคุก แล้วตัวเองก็อยู่อย่างสบาย ไม่รับผิดชอบสิ่งที่เคยปลุกปั่น สร้างแกนนำให้ทำเรื่องเลวร้ายมาได้ไกลถึงขนาดนี้