อดีตบิ๊กข่าวกรอง ดึงสติม็อบสามกีบ เปลี่ยนกุนซือได้แล้ว ถูกหลอกให้เลียนแบบต่างชาติ สั่งให้กางร่มแบบฮ่องกง ตีหม้อแบบพม่า!?!
จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (10 กุมภาพันธ์) กลุ่มคณะราษฎร ได้มีการชุมนุมตีหม้อไล่เผด็จการ ที่สกายวอล์ก หน้า MBK Center และเรียกร้องให้ปล่อยตัว 4 แกนนำ ที่ถูกจับกุมและฝากขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นอกจากนี้ ในระหว่างการชุมนุม ได้เกิดเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้น 3 ครั้งบริเวณจุฬาซอย 5 ด้านหลังสน.ปทุมวัน ทำให้ประชาชนและผู้ชุมนุมแตกตื่นวิ่งกันอลหม่าน
โดยทางเจ้าหน้าที่พยายามที่จะประกาศไม่ให้มวลชนเข้าไปในบริเวณพื้นที่ ส่วนเสียงดังกล่าวจะเป็นระเบิดนั้น อยู่ระหว่างการรอเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ โดยขณะนี้บริเวณพื้นที่โดยรอบสน.ปทุมวัน เกิดความชุลมุนอย่างมาก เนื่องจากผู้ชุมนุมได้เคลื่อนตัวไปที่หน้า สน.ปทุมวัน เพื่อกดดันเจ้าหน้าที่ให้ปล่อยตัวผู้ชุมนุมที่ถูกจับที่หน้าหอศิลป์ และยังมีการสลับปรับเปลี่ยนกันขึ้นปราศัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล และโจมตีสถาบันเบื้องสูงด้วย
ล่าสุดทางด้าน นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีที่มีการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ โดยระบุข้อความว่า
นึกอยู่แล้ว เพื่อนติดคุก ศาลไม่ให้ประกัน ม๊อบสามนิ้วต้องอาละวาด ไม่ผิดคาดจริงๆ
แต่น่าสงสารแกนนำ ถูกใครหลอกมาให้ลอกเลียนแบบคนอื่นอยู่ร่ำไป สามนิ้ว กางร่มแบบฮ่องกง สุดท้ายมาทุบหม้อแบบพม่า คิดเองไม่เป็นหรือ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่กล้าคิดเองหรือไม่มีหัว
อยากเตือนสติแกนนำทั้งหลายว่า การนำม๊อบไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ความสำเร็จของการเคลื่อนม๊อบ ไม่ใช่จำนวนครั้งที่ขยับ ไม่ใช่จำนวนมวลชนที่มา ไม่ใช่ทำเพราะตาน้ำข้าวสั่ง ไม่ใช่เพราะนักการเมืองสั่ง แต่ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน ที่จะต้องไม่มโนเอาเอง
อย่าเชื่อใครว่า ลงถนนแล้วจะชนะ อย่าเชื่อใครว่า คนมาร่วมเป็นล้านแล้วจะชนะ อย่าเชื่อใครว่าต้องใช้ความรุนแรง ต้องปฏิวัติแล้วจะชนะ ไม่เชื่อถามลุงกำนัน คนมาร่วมเป็นล้านคน ชุมนุมยืดเยื้อครึ่งปีกว่า ก็ไม่ชนะ
เปลี่ยนกุนซือได้แล้ว ดีแต่หนีหน้า หลอกให้คนไปตาย หลอกให้เป็นตัวประกันในคุก อย่าเชื่อใครที่จะให้ลี้ภัยนะ
อย่างไรก็ตาม หากย้อนไปก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ก็ได้มีการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ โดยในการชุมนุมครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการฉีดน้ำสลายการชุมนุม ส่งผลให้วันที่ 17 ตุลาคม ทางกลุ่มคณะราษฎรก็ยังเชิญชวนให้ประชาชนออกมารวมตัวกัน นอกจากนี้ ยังได้ประกาศว่า จากนี้จะไม่มี “คณะราษฎร” จะมีเพียงแต่ “ราษฎร” เพื่อตอกย้ำว่าขณะนี้ประชาชนทุกคนคือแกนนำ ไม่ใช่คณะบุคคลใดคณะหนึ่ง ซึ่งมีการประกาศให้มีการพกเสื้อกันฝนและร่มโดยส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันสารเคมีที่ตำรวจ
ซึ่งการเคลื่อนไหวของม็อบนั้น เป็นการเคลื่อนไหวที่มีแนวทางคล้ายๆกับม็อบฮ่องกง ที่มีการกางร่ม ซึ่งกลุ่มผู้ประท้วงชาวฮ่องกงได้รับการขนานนามจากสื่อว่า “มนุษย์ร่ม” (umbrella man) เพราะจะใช้การกางร่มเพื่อป้องกันตัวเองจากการถูกตำรวจสลายการชุมนุมยิงสเปรย์พริกไทย และแก๊ซน้ำตาใส่ได้ถูกเผยแพร่ไปในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ จนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการประท้วงของม็องฮ่องกง โดยในการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร ครั้งหนึ่งก็เคยมีการชูป้าย และมีการตะโกนในกลุ่มผู้ชุมนุมว่า คืนเอกราชให้ฮ่องกง ซึ่งก็ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก ว่าแท้จริงแล้ว ม็อบต้องการอะไรกันแน่