กรมป่าไม้ แจ้งเอาผิดท่าเทียบเรือบ้านพัก “เสรีพิศุทธ์” รุกล้ำลำน้ำ

3974

นายธีรวัฒน์ แย้มสะอาด เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน ได้รับมอบหมายให้นำบันทึกพร้อมเอกสารหลักฐาน จ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประเด็นการก่อสร้างท่าเทียบเรือริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกรุกพื้นที่ป่า ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นผู้ยื่นขออนุญาต

คณะเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) กรมป่าไม้, เจ้าหน้าที่สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้, เจ้าหน้าที่ส่วนป้องกันและกิจการพิเศษ, เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 1 ภาคกลาง, เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปทส. ภายใต้การอำนวยการของนายอดิศร

นุชดำรงค์ อธิบดีกรมป่าไม้ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ โดยประสานการปฏิบัติร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กก.1 บก.ปทส.) อำนวยการโดย พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม ผบก.ปทส.

คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ ได้ร่วมกันออกไปดำเนินการตรวจสอบกรณีการก่อสร้างท่าเทียบเรือริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก ติดต่อโฉนดที่ดินเลขที่ 4295 ตำบลบางกระบือ อำเภอบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ตามที่ได้รับการประสานจากสถานีตำรวจนครบาลบางโพ แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ตามหนังสือ ที่ ตช 0015.(บก.น.1)(11)/766 ลงวันที่ 16 กันยายน 2563 เรื่อง ให้ส่งตัวแทนเพื่อเตรียมความพร้อมนัดหมายวันเวลาเข้าร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุและสอบปากคำในคดีอาญา ตามประเด็นดังนี้

1 การปลูกสร้างท่าเทียบเรือดังกล่าวต้องขออนุญาตอธิบดีกรมป่าไม้หรือไม่ หากต้องขออนุญาตแล้ว ได้มีการขออนุญาตต่ออธิบดีกรมป่าไม้หรือไม่ และอยู่ภายใต้บังคับตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 หรือไม่อย่างไร

2 การปลูกสร้างท่าเทียบเรือล่วงล้ำแม่น้ำที่เกิดเหตุดังกล่าวเป็นการปลูกสร้างเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนหรือผู้อื่นในที่สาธารณประโยชน์ ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 หรือไม่อย่างไร คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจสอบจากเอกสารหลักฐานที่ส่งมาพร้อมหนังสือสถานีตำรวจนครบาลบางโพ ดังกล่าวข้างต้น พบว่าท่าเทียบเรือดังกล่าวมีใบอนุญาตให้ปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ ใบอนุญาตเลขที่ 18/2544 ลงวันที่ 9 มีนาคม 2544 ออกตามความในมาตรา 117 แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือ(ตรวจสอบพบชื่อผู้ขออนุญาตระบุชื่อ พล.ต.ท.เสรี เตมียเวส ในขณะนั้น) พุทธศักราช 2456 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือฯ (ฉบับ 14) พ.ศ.2535 มีขนาดไม่เกิน 500 ตันกรอส และมีขอบเขตขนาดความกว้าง 10.35 เมตร ความยาว 21.35 เมตร คิดเป็นเนื้อที่ 0-0-55.24 ไร่ จากนั้นได้โดยสารเรือพาหนะของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา จนถึงบริเวณพื้นที่ที่จะดำเนินการตรวจสอบ ตรวจพบมีท่าเทียบเรือดังกล่าวข้างต้นอยู่จริง คณะเจ้าหน้าที่ได้จอดเรือลอยลำบริเวณข้างเคียงท่าเทียบเรือดังกล่าวเพื่อตรวจสอบค่าพิกัด พบเป็นตำแหน่งเดียวตรงกับแบบเอกสารคำขออนุญาตก่อสร้างสิ่งลวงล้ำลำน้ำ ที่ยื่นต่อกรมเจ้าท่า ตามใบอนุญาต เลขที่ 18/2544 ลงวันที่ 9 มีนาคม 2544 จากการแปลภาพถ่ายทางอากาศและภาพถ่ายดาวเทียมในปี พ.ศ.2544 พบว่า ยังไม่ปรากฏการก่อสร้างท่าเทียบเรือแต่อย่างใด และต่อมา

ปี พ.ศ.2545-2546 พบมีการก่อสร้างท่าเทียบเรือแล้ว ซึ่งภาพถ่ายปัจจุบัน พ.ศ.2563 ยังปรากฏท่าเทียบเรือดังกล่าวอยู่ ซึ่งเป็นการยึดถือหรือครอบครองมาอย่างต่อเนื่องข้อกฎหมาย

(1) พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ใดก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือ หรือครอบครองป่า เพื่อตนเอง หรือผู้อื่น เว้นแต่จะกระทำภายในเขตที่ได้จำแนกไว้เป็นประเภทเกษตรกรรม และรัฐมนตรี ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือโดยได้รับใบอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่”

(2) บันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ 121/2555 ได้พิจารณาและให้ความเห็นบทนิยามคำว่า “ป่า” ตามมาตรา ๔ (๑) แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ประกอบกับการได้มาซึ่งที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน “ป่า” จึงหมายถึงที่ดินที่ยังมิได้มีบุคคลใดได้กรรมสิทธิ์หรือได้สิทธิครอบครอง ซึ่งรวมไปถึงที่ดินรกร้างว่างเปล่า ที่ชายตลิ่ง ภูเขา ห้วย หนอง คลอง บึง บาง ลำน้ำ ทะเลสาบ เกาะ และที่ชายทะเลที่เป็นที่ดินของรัฐด้วย และแม้บทนิยามคำว่า “ที่ดิน” มาตรา 1 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน มิได้บัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่าให้หมายความรวมถึงแม่น้ำด้วย แต่เมื่อพิจารณาความหมายของคำว่า “แม่น้ำ” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ซึ่งหมายถึง ลำน้ำใหญ่ซึ่งเป็นที่รวมของลำธารทั้งปวง “แม่น้ำ” จึงเป็นลำน้ำใหญ่และถือเป็นส่วนหนึ่งของความหมายของบทนิยามคำว่า “ที่ดิน” ตามประมวลกฎหมายที่ดิน

(3) จากตรวจสอบการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ซึ่งสำนักการอนุญาตได้มีหนังสือกองการอนุญาต ด่วนที่สุด ที่ ทส 1602.43/530 ลงวันที่

9 กุมภาพันธ์ 2564 เรื่อง ขอทราบข้อเท็จจริงและขอเอกสารหลักฐาน และขอให้เจ้าหน้าที่ให้ถ้อยคำ แจ้งว่า ไม่พบเรื่องราวคำขออนุญาตในกรณีการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่า เพื่อก่อสร้างท่าเทียบเรือ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก ติดกับโฉนดที่ดินเลขที่ 4295 ตำบลบางกระบือ อำเภอบางซื่อ กรุงเทพมหานคร แต่อย่างใด

ทั้งนี้ คณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันพิจารณาแล้ว เห็นว่า การกระทำดังกล่าวข้างต้นเป็นการกระทำผิดตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 ฐาน “ก่อสร้าง หรือยึดถือ หรือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษตามมาตรา 72 ตรี คณะเจ้าหน้าที่ได้มอบหมาย นายธีรวัฒน์ แย้มสะอาด เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน นำบันทึกแจ้งความกล่าวโทษ พร้อมเอกสารหลักฐาน เป็นผู้แจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และมอบหมายให้นายคม ศรีสวัสดิ์ ผู้อำนวยศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 1 ภาคกลาง เป็นพยาน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร นำสื่อมวลชนลงเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำแม่น้ำเจ้าพระยา

โดยในตอนนั้น นายสิระ กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่ามีการปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างรุกล้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นจำนวนมาก ตัวอย่างสิ่งปลูกสร้างที่เห็น เป็นสิ่งปลูกสร้าง คือ ท่าเรือและกำแพงบ้านที่อยู่ในบริเวณบ้านหลังใหญ่ ตั้งอยู่ติดกับวัดจันทร์สโมสร ถัดจากรัฐสภาใหม่ เพียงไม่เกิน 500 ม. ซึ่งตนยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อเจ้าของบ้าน แต่เคยเข้าอวยพรวันเกิดเจ้าของบ้านทุกปี ซึ่งบ้านหลังนี้มีสัญลักษณ์ของตำรวจ หรือไม่ก็เป็นตำรวจ จึงอยากให้มีการตรวจสอบว่าเหตุใดกรมเจ้าท่าจึงปล่อยให้มีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงอยากให้ตรวจสอบข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน รมช.คมนาคม ที่รับผิดชอบกรมเจ้าท่า เหตุใดจึงปล่อยปละละเลย

ก่อนหน้านั้น กรมเจ้าท่าเคยแจ้งความดำเนินคดีต่อ สน.บางโพ ให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กรณีการก่อสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำแม่น้ำเจ้าพระยา โดยไม่เป็นไปตามแบบที่ยื่นขออนุญาตต่อกรมเจ้าท่า ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เคยชี้แจงว่า การก่อสร้างดังกล่าวเป็นไปอย่างถูกต้องและกรณีดังกล่าวอัยการสั่งไม่ฟ้องแต่อย่างใด