“ไทยภักดี” ย้อนเกล็ด”ก้าวไกล” ขู่ฟ้องหมอวรงค์ ใช้กฎหมายปิดปากคนเห็นต่าง “นายพลส้มหวาน” เสริมทัพตบปากพวกอ้างปชต.บังหน้าแต่เผด็จการความคิด

4442

บุญเกื้อโต้กลับก้าวไกล ทำนิติสงครามใช้กฎหมายปิดปากคนเห็นต่าง ขู่ฟ้องหมอวรงค์ นายพลส้มหวานและดร.เสรีเสริมทัพฟาดพวกชอบอ้างประชาธิปไตย ขณะราเมศพร้อมเป็นทนายจำเลยให้

จากกรณีที่ นพ.ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงกรณีที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้ก่อตั้งพรรคไทยภักดี ล่ารายชื่อประชาชนคัดค้านแก้ ม.112 ซึ่งเป็นญัตติที่พรรคก้าวไกลเสนอแก้ไขต่อสภาผู้แทนราษฎร ว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น

นพ.ปดิพัทธ์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลและตนในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เรายึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราพูดเรื่องนี้ในหลายครั้ง ในการอภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในจุดยืนของพรรค เราไม่มีความคิดที่จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เลยสักนิดเดียว การที่ นพ.วรงค์ ใส่ร้าย แจ้งข้อกล่าวหามาตรา 112 ต่อพี่น้องประชาชน และพาดพิงต่อพรรคก้าวไกลว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองและล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น เรื่องที่เป็นการกล่าวข้อมูลเท็จ เป็นการหมิ่นประมาท ทำให้เสียชื่อเสียง ทำให้พี่น้องประชาชนมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อพรรคก้าวไกล โดยทางพรรคก้าวไกลเห็นด้วยที่จะฟ้อง นพ.วรงค์ ในมาตรา 326 เกี่ยวกับการหมิ่นประมาท

“สิ่งที่เราตั้งข้อสงสัยต่อการกระทำของ นพ.วรงค์ จากการที่ นพ.วรงค์ เอาสถาบันพระมหากษัตริย์มากล่าวอ้างเช่นนี้ เป็นการนำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อให้ตัวเองกลับเข้าสู่เส้นทางการเมืองใช่หรือไม่ นพ.วรงค์ เจตนาดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จริงหรือไม่ หรือเป็นการนำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องกำบังเพื่อให้ตัวเองเข้าสู่เส้นทางการเมือง สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้มีผลดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เลยแม้แต่น้อย หาก นพ.วรงค์ ยังเดินหน้ากระทำการเช่นนี้ต่อไป ประชาชนจะเข้าใจผิดว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ได้อยู่กับประชาธิปไตย ซึ่งไม่เป็นผลดีเลยแม้แต่น้อย และในส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ที่รับแจ้งความจาก นพ.วรงค์ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยเราจะพิจารณาต่อว่าจะดำเนินคดีอย่างไร ในคดีที่เจ้าหน้าที่รัฐประพฤติมิชอบต่อพรรคการเมืองและประชาชน ซึ่งเอาผิดตามมาตรา 200 หรือ 157 ในฐานะที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินคดีต่อพี่น้องประชาชนในเหตุที่เกินควรได้”

ต่อมา นายบุญเกื้อ ปุสสเทโว สมาชิกพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า
“พรรคก้าวไกล ดูเหมือนจะไม่ก้าวไปไหนเลย วกวนอยู่แต่เรื่องมาตรา 112 นี่เอง จะแก้ไขบ้างล่ะ จะยกเลิกบ้างล่ะ เล่นสอดรับเป็นขบวนการเดียวกับพวกม็อบ 3 นิ้วแยกกันไม่ออก จนชาวบ้านชาวเมืองเขาเอือมระอากับพฤติกรรมของพรรคการเมืองนี้เหลือเกินแล้ว
อยากรู้ว่าพรรคก้าวไกลใช้ทนายที่ไหนเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ถ้าหากใช้อาจารย์ปิยบุตรอยู่ ผมขอแนะนำให้เปลี่ยนเสีย เพราะว่าอาจารย์ปิยบุตรแกไม่มีตั๋วทนาย แกเป็นทนายเถื่อน แค่ไปสถานีตำรวจแกยังต้องหอบประมวลกฎหมายไปอยู่เลย
พรรคก้าวไกล กำลังก่อนิติสงคราม ใช้กฎหมายปิดปากประชาชน กำลังฟ้องทุกคนไม่เลือกหน้าทั้งหมอวรงค์ และไม่เว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่ที่เขาปฏิบัติตามหน้าที่ ถ้าจะให้ครบถ้วนผมขอแนะนำให้ฟ้องประชาชน 1 แสนคนที่ร่วมลงชื่อด้วย คัดค้านการแก้ม.112 เพื่อล้างผิดในฐานะผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยเสียเลยสิหมออ๋อง”

ขณะเดียวกัน นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ถึงกรณีพรรคก้าวไกล เตรียมแจ้งความ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้ก่อตั้งพรรคไทยภักดี ข้อหาหมิ่นประมาท ว่า คุณหมอไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แล้ว แต่ด้วยความผูกพันและเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน เรามีจุดหมายเดียวกันคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
“ก้าวไกลยื่นฟ้องเมื่อใด จะมีทนายชื่อ นายราเมศ รัตนะเชวง ไปเป็นทนายจำเลยให้กับคุณหมอ พบกันที่หน้าบัลลังก์ ทุกคำที่ใส่ในคำฟ้อง ขอเตือนให้ระวัง”

Image result for ราเมศ

แม้กระทั่ง พล.อ.พงศกร รอดชมภู อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ยังไม่เห็นด้วยกับความย้อนแย้งนี้ โดยได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า
“ถ้าคุณอ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ก็ต้องรู้จักที่จะอยู่ท่ามกลางความแตกต่างและอดทนต่อความเห็นต่างที่มีเหตุผลได้
หากคุณเรียกร้องสิทธิของตนเองอยู่ตลอดเวลา คุณก็ต้องรู้จักว่าผู้อื่นเขาก็มีสิทธิที่จะไม่ถูกละเมิดด้วย
การละเมิดสิทธิผู้อื่นด้วยความตั้งใจโดยถือธงประชาธิปไตย บังหน้าความเป็นเผด็จการของตนเอง ที่รังแกผู้เห็นต่างอย่างจงใจอยู่ตลอดเวลานั้นน่ารังเกียจ พอๆ กับการเป็นเผด็จการแย่งชิงอำนาจฝ่ายพลเรือนปราศจากอาวุธโดยไม่ยึดถือกติกาที่ชอบธรรมเลย
เผด็จการทั่วโลกเหมือนกันจริง ๆ ครับ”

และล่าสุด ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวด้วย โดยมีรายละเอียดดังนี้
“คุณหาว่ามาตรา 112 ละเมิดสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นของคนคิดต่าง
แล้วที่สร้างวาทกรรมด้วยความเท็จหมิ่นในหลวงล่ะ ไม่ละเมิดอย่างนั้นหรือ
แล้วที่สาวกของคุณเอาทัวร์ไปลงด่าคนคิดต่างด้วยข้อความหยาบคายล่ะ ละเมิดไหมล่ะ
ที่พวกคุณคิดและแสดงออกนั้น มันไม่ใช่คิดต่างค่ะ แต่มันคือคิดชั่วที่ทำให้พวกคุณแสดงออกที่ต่ำช้า หยาบคาย ถ่อยสถุล วันๆเอาแต่แซะ แขวะ ด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์
คนไทย 99% เขาไม่เอากับคุณหรอก คิดใหม่ แล้วเลิกชั่ว ทำดีไม่เป็น ก็เริ่มต้นปรับปรุงตัวด้วยการหยุดทำชั่วได้แล้ว ระวังคุณจะไม่มีที่ยืนในสังคมไทย เขาจะร้องเพลงหนักแผ่นดินไล่คุณทุกแห่งทุกหนที่คุณไปนะ”

Image result for ดรเสรี