“สามกีบ” โหมไฟ ปลุก “แรงงานพม่า” เป็นเครื่องมือ ทำลายชาติไทย ขณะนักการเมืองเมียนมา แห่ ชู 3 นิ้ว!?

2692

จากกรณีที่วันที่ 1 ก.พ. 2564 กองทัพเมียนมาประกาศ ยืนยันว่ากองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจปกครองจากรัฐบาลพลเรือนและได้แต่งตั้งพลเอกมยิน ซเว รองประธานาธิบดี รักษาการตำแหน่งประธานาธิบดี

ต่อมาทางด้านของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีการเกิดรัฐประหารในเมียนมา โดยมีเนื้อความบางส่วนระบุว่าว่า
“ยืนหยัดเคียงข้างประชาชนเมียนมา ประชาธิปไตยต้องกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด”
ในฐานะประชาชนคนไทย เพื่อนบ้านใกล้ชิดที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับเมียนมาตลอดมา ผมขอร่วมยืนหยัดเคียงข้างประชาชนชาวเมียนมาทุกคน เรียกร้องประชาธิปไตยกลับสู่ประเทศ และผมหวังว่ารัฐบาลไทยจะไม่ยอมรับการรัฐประหารครั้งนี้ ไม่ยอมรับรัฐบาลที่ขึ้นสู่อำนาจโดยการปล้นชิงสิทธิเสรีภาพของประชาชน แม้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย จะเคยขึ้นสู่อำนาจด้วยวิธีเดียวกันมาก่อนก็ตาม
ในฐานะพลเมืองอาเซียน ผมกังวลว่าการรัฐประหารจะทำให้บรรยากาศประชาธิปไตยและการเคารพสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคนี้ยิ่งริบหรี่ลง และผมละอายใจอย่างยิ่งที่ประเทศไทยในตอนนี้ ไม่อาจทำหน้าที่ประทีปแห่งประชาธิปไตยของอาเซียนได้เหมือนกับที่เคยเป็น
เพื่ออนาคตที่ดีกว่านี้สำหรับคนรุ่นต่อไป เราทุกคนมีภารกิจที่จะต้องช่วยกันประณามการรัฐประหาร อย่าให้พื้นที่แก่เผด็จการ อย่ายอมให้ประชาชนถูกละเมิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยกองทัพที่กินเงินเดือนจากภาษีของพวกเรา
ในนามของประชาธิปไตย เราขอยืนหยัดร่วมกับประชาชนเมียนมาต่อสู้กับเผด็จการ
จนกว่าอำนาจสูงสุดจะเป็นของประชาชน”

และเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และน.ส.พรรณิการ์ วานิช ได้เดินทางไปที่สถานทูตเมียนมา มาร่วสังเกตการณ์ เนื่องจากมีการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร และกลุ่มการ์ด Wevo และแรงงานชาวเมียนมา รวมตัวกันที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ถนนสาทรเหนือ เพื่ออ่านแถลงการณ์แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการทำรัฐประหารในเมียนมา และเรียกร้องให้ปล่อยตัวนางอองซานซูจี ทั้งหมด 3 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และเมียนมา ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 โดยทางรัฐบาลประกาศใช้มาตรการควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ควบคุมสูง (สีแดง) ที่ห้ามจัดการรวมตัวใดๆ ที่มีคนจำนวนมาก โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ยานนาวา ดูแลความสงบเรียบร้อย

อย่างไรก็ตามมวลชนชาวเมียนมาได้ย้ายไปรวมตัวที่หน้าอาคาร ข้างสถานทูตเมียนมา เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้ทำกิจกรรมชุมนุมบริเวณหน้าสถานทูต ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประกาศขอให้ทางกลุ่มยุติ แต่กลับเกิดเหตุปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่และการ์ดวีโว่ นำโดยนาย ปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้
ทั้งนี้ในการชุมนุม เหล่าแกนนำม็อบราษฎรยังเสนอตัวปราศัย แย่งซีนการชุมนุมของชาวเมียนมาร์
ขณะเดียวกันได้มีการชุมนุมต่อต้านรัฐประหารของชาวเมียนมาร์ทที่ตลาดกุ้ง สมุทรสาคร โดยการชุมนุมผ่านไปด้วยความสงบปราศจากเหตุชุลมุนเหมือนกับม็อบที่ธนาธรและสาวกไปโผล่

อาจเป็นรูปภาพของ หนึ่งคนขึ้นไป, ผู้คนกำลังยืน, รถจักรยานยนต์ และถนน

ต่อมาในโซเชียล บัญชี้ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งชาวเมียมา ได้มีการเผยแพร่ภาพของการชู 3 นิ้วของนักการเมืองกลุ่มหัวหน้าพรรค NLD ของอองซานซูจี และประชาชนอีกหลายคน ทั้งนี้ยังมีการเผยแพร่ภาพที่นายธนาธรปรากฎตัวในม็อบหน้าสถานทูตเมียนมาร์ด้วย

ทั้งนี้ล่าสุดคณะก้าวหน้า ได้เผยแพร่เอกสารในหัวข้อเรื่องรัฐประหารเมียนมา โดยมีการเผยแพร่เอกสารเป็นภาษาเมียนมาด้วย โดยเนื้อความระบุว่า
“รัฐประหารเมียนมา : การโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เท่ากับการทำลายหลักการสากลว่าด้วยประชาชนคือผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ
เหตุการณ์เมื่อเช้ามืดวันนี้ (1 กุมภาพันธ์ 2021) สืบเนื่องจากการที่กองทัพเมียนมา โดย พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่ายน์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กระทำการรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาลของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ที่นำโดยอองซาน ซูจี โดยประกาศเข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ จับกุมรัฐมนตรี ส.ส. นักการเมือง นักศึกษา และนักกิจกรรมฝั่งประชาธิปไตย รวมถึงนางซูจี ตัดการสื่อสารและการรับรู้ข่าวสารของประชาชนทั้งทางวิทยุ โทรทัศน์ และอินเทอร์เน็ต
คณะก้าวหน้าขอประณามการปล้นอำนาจจากประชาชนชาวเมียนมาในครั้งนี้ การโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เท่ากับการทำลายหลักการสากลว่าด้วยประชาชนคือผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ
ไม่มีข้ออ้างใดสามารถสร้างความชอบธรรมให้กับการรัฐประหารได้ เราเรียกร้องให้ทุกหน่วยงานองค์กร ทั้งของไทยและนานาชาติ ร่วมกันทำทุกวิถีทางเพื่อให้กองทัพเมียนมาหยุดอ้างการรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศเพียงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนายพลเพียงไม่กี่คน พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่ายน์ จะต้องคืนอำนาจกลับสู่มือประชาชนโดยเร็วที่สุด และปล่อยตัวนักการเมืองฝั่งประชาธิปไตยทั้งหมด รวมถึงคืนเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน และให้กระบวนการทางการเมืองเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย
คณะก้าวหน้าขอยืนหยัดอยู่เคียงข้างประชาชนเมียนมา รวมทั้งพรรคการเมืองฝั่งประชาธิไตยในเมียนมา ซึ่งหลายคนเคยร่วมงานกับเราอย่างดีผ่านเครือข่าย SocDem Asia ซึ่งเป็นเครือข่ายระหว่างประเทศของพรรคและกลุ่มการเมืองฝั่งสังคมประชาธิปไตย
รัฐประหารคือโรคร้ายที่รุมเร้าทั้งเมียนมาและไทย ฉุดรั้งความเจริญของประเทศ แต่เรา ประชาชนไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกนี้ จะร่วมกันต่อต้านวงจรอุบาทว์ของการรัฐประหารอย่างถึงที่สุด
เพื่ออนาคตที่ประชาชนคือผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ
บนโลกใบนี้จะต้องไม่มีที่หยัดยืนให้แก่คณะรัฐประหารอีกต่อไปแล้ว

คณะก้าวหน้า ประเทศไทย”

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

น่าสังเกตว่าธนาธรและกลุ่มก้าวหน้าออกตัวอย่างชัดเจนถึงเหตุการณ์รัฐประหารพม่า รวมทั้งยังมีการพยามเหน็บแนมประเทศไทยอยู่ด้วย จนน่าสงสัยว่าธนาธรกำลังต้องการทำอะไรกันแน่ ทั้งนี้แม้ว่าการที่ธนาธรออกมาแสดงการต่อต้านรัฐประหารเมียนมาจะยังไม่ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนให้เห็น แต่การที่การ์ดวีโว่พยายามสร้างสถานการณ์ความรุนแรงรวมทั้งมีการใส่ร้ายว่าตำรวจสลายการชุมนุมผู้ชุมนุมเมียนมา อาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในระดับประเทศได้?