จากที่นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นคำร้องให้ กกต.พิจารณาวินิจฉัยกรณีพรรคก้าวไกล มีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560
จากกรณีการแสดงความเห็นทางการเมือง การเข้าร่วมกับผู้ชุมนุม และการประกันตัวผู้ต้องหาในคดีชุมนุมทางการเมือง ถือเป็นการกระทำการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน รวมทั้งกรณีพรรคก้าวไกลยื่นร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ในฐานความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นประมาททั้งหมด รวมถึงมาตรา 112 นั้น
ต่อมา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีดังกล่าวว่า ผมได้ติดตามข่าวและได้อ่านเอกสารคำร้องที่คุณณฐพร โตประยูร ที่ได้ส่งให้ กกต. แล้ว ผมไม่มีอะไรจะพูดอะไรมาก นอกจากคำว่า เลอะเทอะ และ ไร้สาระ
คุณณฐพร โตประยูร ชื่อคุ้น ๆ เพราะเป็นหนึ่งในผู้เกี่ยวของกับคดีฟอกเงินที่ดินคลองจั่นเกือบ 5 ร้อยล้านบาท เป็นผู้สนับสนุนระบอบสืบทอดอำนาจ คสช. และเขาก็ยังเป็นคนเดียวกับที่เคยยื่นให้ยุบพรรคอนาคตใหม่คดี อิลูมินาติ ด้วย ซึ่งในคดีนั้นก็จบลงที่ศาลวินิจฉัยไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากไม่ได้มีการล้มล้างการปกครองหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองแต่อย่างใด
คำร้องยุบพรรคที่คุณณฐพรเขียนมาวันนี้ ข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างมาก็ไม่มีส่วนไหนเลยที่สนับสนุนสิ่งที่ตัวเองกล่าวหา ซึ่งอ่านทั้งหมดแล้วก็รู้สึกว่าไร้สาระยิ่งกว่าคดี อิลูมินาติ เสียอีก ดังนั้น ทางผมและพรรคกำลังพิจารณาฟ้องร้องดำเนินคดีกับคุณณฐพร โตประยูร ในความผิดมาตรา 101 แห่ง พ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 ในข้อหาที่ว่า “ผู้ใดแจ้งหรือกล่าวหาพรรคการเมืองหรือบุคคลใดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ต่อคณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น…”
สุดท้ายนี้ เมื่อดูภาพรวมประกอบบริบทสถานการณ์แล้ว การยื่นคำร้องยุบพรรคก้าวไกลแบบนี้ คิดเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากความตั้งใจก่อกวนให้พวกเราเสียสมาธิในการทำงาน และเบี่ยงประเด็นกลบเกลื่อนความผิดพลาดในการบริหารงานของรัฐบาล ที่จะถูกแฉในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะมีขึ้นใน 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้
ขอเชิญชวนประชาชนทุกท่าน อย่าลืมติดตามการประชุมสภาเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งจะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป พรรคก้าวไกลพร้อมอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ พวกเรายืนยันจะทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ภาษีทุกบาททุกสตางค์ต้องถูกใช้อย่างคุ้มค่าและโปร่งใส
ทั้งนี้ สำหรับที่นายณฐพร โตประยูร ระบุไว้ว่า เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายของพรรคก้าวไกลนั้น คือ
– การลงมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับไอลอว์ ซึ่งการกระทำของพรรคก้าวไกล ถือเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
– ส.ส.พรรคก้าวไกล บางคน ยืนยันว่าการประกันตัวผู้ต้องหาและการเสนอแก้ไขกฎหมายเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ
– การแก้ไขมาตรา 112 การเป็นนักการเมืองจะทำอะไรก็ต้องศึกษา ว่ามาตราดังกล่าวมีผลร้ายต่อประเทศและประชาชนอย่างไร และกฎหมายมาตรานี้ไม่ใช่เพิ่งมีแต่มีมานานแล้ว และทั่วโลกก็มีกฎหมายคุ้มครองประมุข เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเอามาชุมนุมกัน ซึ่งการเสนอแก้ไขมาตรา 112 ไม่ใช่เพียงเรื่องการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเพื่อขอแก้ไขกฎหมายเท่านั้น แต่ยังมีการโยงใยไปถึงการล้มล้างระบอบการปกครอง
นายณฐพร ย้ำอีกว่า “พฤติกรรมหลาย ๆ อย่างที่ทำมา มันไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างเช่น หัวหน้าพรรคก้าวไกลยื่นประกันตัวทนายอานนท์ นำภา ที่ละเมิดต่อมาตรา 6 ของกฎหมายอาญา ซึ่งการไปประกันตัวบุคคลพวกนี้ถือว่าละเมิดหรือไม่ แม้จะอ้างว่าศาลยังไม่ตัดสิน แต่ความผิดซึ่งหน้ามันชัดเจนว่าทำผิด และยังมีการละเมิดสิทธิบุคคลอย่างกรณีสถาบันถูกละเมิดอย่างแรงกรณีการฉีกรูปพระบรมฉายาลักษณ์ บอกได้เลยที่มายื่นวันนี้หลักฐานชัดเจน ไม่มีหลักฐานที่คุลมเครือ อันไหนที่ต้องตีความกันเราไม่ยื่น เอกสารหลักฐานต่าง ๆ เราขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างเรื่องการโอนเงินก็มีหลักฐานว่าพวกที่ชุมนุมได้เงินจากใคร ใครโอนเงินให้ ใครจ่ายเงินให้ จ่ายเงินที่ไหน เรามีหลักฐานครบทุกอย่าง ทั้งนี้เราเชื่อว่าเราจะพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่าที่เรายื่นไม่ได้กลั่นแกล้ง แต่มีหลักฐานเพียงพอ” นายณฐพร กล่าว
ล่าสุด จากการเคลื่อนไหวตอบโต้ของนายพิธานั้น ทำให้นายณฐพรออกมาแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้อีกว่า “ขอพูดถึงนายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ออกมาแถลงข่าวว่า คำร้องของผมเลอะเทอะ แสดงให้เห็นถึงความโง่เขลาเบาปัญญา เขาลืมตัวเองหรือเปล่าว่าเขาอาสามาทำหน้าที่ผู้แทนปวงชน และรับเงินเดือนจากเงินภาษีของประชาชน ผมก็คือเจ้าของเงินคนหนึ่งที่พวกเขารับเงินไป ผมก็เปรียบเสมือนนายจ้าง ที่จะต้องติดตามว่าลูกจ้างทำงานตามที่จ้างหรือไม่ และในทางกฎหมายผมก็มีหน้าที่ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นหน้าที่ของนายพิธา ต้องอธิบายว่าที่เจ้านายเขากล่าวหา ไม่เป็นจริงอย่างไร มิใช่มาว่านายจ้างว่าเลอะเทอะ ผมมิได้โกรธอะไรเพียงแต่อยากให้ทุกคนได้เห็นว่านายคนนี้หรือที่รับอาสามาทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนมีสติปัญญาแค่นี้เองหรือน่าสงสารประเทศไทย”
ขณะที่ทางด้าน นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อม ส.ส.พรรคแถลงการณ์กรณีดังกล่าวว่า ข้อกล่าวหาของนายณฐพรต่อพรรคก้าวไกลล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้น พรรคไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่เราเป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของระบอบรัฐประหาร พรรคก้าวไกลมิได้กระทำการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน แต่เราต้องการปกป้องสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน และคัดค้านนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่ลุกขึ้นมาทวงคืนอนาคตของพวกเขา
นายณฐพรใส่ร้ายพรรคก้าวไกลว่ามีแนวคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เช่นเดียวกับพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นความเท็จที่นายณฐพรรู้ดีอยู่แก่ใจ เนื่องจากเขาเคยยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาแล้วว่าพรรคอนาคตใหม่ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือคดีอิลลูมินาติแล้วศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2563 ว่าพรรคอนาคตใหม่มิได้มีการกระทำตามที่นายณฐพรกล่าวหา
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า พรรคก้าวไกลยืนยันอีกครั้งว่า พฤติการณ์ที่นายณฐพรนำมากล่าวหาว่าเป็นความผิดนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นการกล่าวหาเท็จทั้งสิ้น เช่น กล่าวหาว่าการที่พรรคก้าวไกลสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับประชาชน ซึ่งเปิดให้มี ส.ส.ร. แก้รัฐธรรมนูญหมวด 1 และหมวด 2 ได้และการแสดงความคิดเห็นต่อการบังคับใช้มาตรา 112 อย่างไม่เป็นธรรมกับการจะเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้นถือเป็นกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งที่การลงมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมและการเสนอร่างกฎหมาย เป็นอำนาจของสมาชิกสภานิติบัญญัติและเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของผู้แทนราษฎร
แม้แต่การกล่าวหาว่า การที่ ส.ส. พรรคก้าวไกลไปสังเกตการณ์การชุมนุมของนักเรียนนักศึกษาและใช้ตำแหน่งประกันตัวนักเรียนนักศึกษาประชาชนที่ถูกดำเนินคดีนั้น ถือเป็นกระทำการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนทั้ง ๆ ที่การไปสังเกตการณ์การชุมนุมของ ส.ส. นั้น ก็เพื่อทำหน้าที่ของผู้แทนราษฎรที่ดีในการไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและช่วยระงับความรุนแรง หากเกิดการปะทะกันส่วนการช่วยประกันตัวนักเรียนนักศึกษาประชาชนนั้น ก็เป็นการประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมผู้ต้องหาทุกคนต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับนายณฐพรที่มีสิทธิได้รับการประกันตัวในคดีฟอกเงิน
เมื่อถามว่าทางพรรคจะดำเนินคดีกับนายณฐพรหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ทางพรรคจะดำเนินคดีนายณฐพรผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 101 เกี่ยวกับการให้ความเท็จพรรคการเมือง
ถามถึงความคืบหน้าการยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นายชัยธวัช เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าพร้อมยื่น ส่วนการลงชื่อเป็นเรื่องเอกสิทธิ์ของแต่ละส.ส.