ดร.นิว-อัษฎางค์ แท็กทีม ชำแหละปัญญา ปิยบุตร แท้จริงจบป.เอกกฎหมายเพื่อมาหลอกลวงคน!?

2398

ยังคงออกมาเคลื่อนไหวผ่านทางโซเชียลฯ อย่างต่อเนื่องในเรื่องวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ สำหรับนายปิยบุตร แสงกนกกุล โดยล่าสุดนายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กไปถึงนายปิยุบตรว่า

“ประมุขของชาติไม่ใช่บุคคลธรรมดา” อย่าปล่อยให้ป๊อกยะบุตรแหกตา ป๊อกยะบุตร เป็นรองศาสตราจารย์ดอกเตอร์ทางด้านกฎหมาย ที่มักพูดเรื่องกฎหมายเหมือนคนไม่รู้กฎหมาย ป๊อกยะบุตร เสนอว่า การคุ้มครองพระมหากษัตริย์ให้ใช้กฎหมายหมิ่นประมาทเหมือนบุคคลธรรมดาก็ได้ แต่ความจริง คือ

1. ผู้ที่เป็นประมุขของประเทศ ไม่ว่าประเทศใดในโลก ทั้งที่เป็นพระมหากษัตริย์หรือประธานาธิบดี มิใช่บุคคลธรรมดา แต่อยู่ในฐานะประมุขของประเทศ

2. ป๊อกยะบุตร ควรเอาปริญญาไปคืน แล้วกลับไปเรียนวิชาหลักกฎหมายพื้นฐานของนักศึกษาปี 1 ใหม่ เพราะกฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนว่า

ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทยอยู่ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี” ซึ่งการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐในประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499

แปลเป็นภาษาชาวบ้านได้ว่า การหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นประมุขของชาติ “เป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐในประมวลกฎหมายอาญา” ซึ่งต่างกับการหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา ที่ไม่เป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐในประมวลกฎหมายอาญา

3. ทำไมถึงใช้กฎหมายหมิ่นประมาทของบุคคลธรรมดากับพระมหากษัตริย์ไม่ได้ คำตอบที่นักศึกษาเรียนกันมาตั้งแต่ปี 1 ยังตอบได้คือ พระมหากษัตริย์ไม่สามารถฟ้องร้องผู้ใดได้ เหมือนบุคคลธรรมดาทั่วไป ดังนั้นจึงต้องมีกฎหมายปกป้ององค์พระประมุขไม่ให้ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย

4. ป๊อกยะบุตร หลอกว่า “ยกเลิก ม.112 จะช่วยรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์เอาไว้” จะรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์เอาไว้ได้อย่างไร หากคณะทรราษฎร์ปลดแอกและตลาดหลวง ระดมผีดิบไร้สมองและจิตวิญญาณ จัดทัวร์มาลง และฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ ด้วยคดีความที่ให้ร้ายป้ายสีมากมากมโหฬาร

ยอมรับมาดี ๆ เถอะว่า ทั้งตัวป๊อกยะบุตรเอง และสาวกผีดิบผู้ที่มีเป้าประสงค์จะยกเลิก ม.112 ไม่ได้มีจะประสงค์ที่จะช่วยรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์เอาไว้ แต่มีจุดประสงค์ตรงกันข้าม โกหกคนหน้าโง่ได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้หรอกจริงมั้ยป๊อก เพราะตัวเองไม่ได้หน้าโง่

ป๊อกยะบุตรเรียนกฎหมายมาจนจบปริญญาเอกเพียงเพื่อจะเอามาโกหกหลอกลวงคนหน้าโง่แค่นั้นเองหรือ? หลอกคนไทยได้ทั้งเมืองว่า “ยกเลิก ม.112 จะช่วยรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์เอาไว้” แต่หลอกตัวเองไม่ได้ใช่มั้ยละ เพราะตัวเองมีปริญญาเอกด้านกฎหมาย ตัวเองไม่ได้โง่ หลอกตัวเองไม่ได้ หลอกได้แต่พวกหน้าโง่เท่านั้น จริงมั้ยละป๊อก

ขณะที่ทางด้านของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ข้อความวิจารณ์นายปิยบุตรด้วยเช่นกันว่า ฟายบูดโง่นะเนี่ย บริษัทเป็นนิติบุคคล จะฟ้องผู้ถือหุ้นเพื่อ? คงไม่มีนักกฎหมายคนไหนที่โง่และกลวงได้เท่ากับฟายบูดอีกแล้ว แม้แต่กระดาษชำระยังมีคุณค่ามากกว่าปริญญาเอกด้านกฎหมายของฟายบูดเสียอีก

แค่เรื่องกฎหมายง่าย ๆ ฟายบูดยังไม่รู้เรื่อง วัน ๆ ไม่ทำอะไร หายใจเข้าหายใจออกมีแต่เจตนาส่วนตัวในการสร้างความแตกแยก บิดเบือนให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อหวังบ่อนทำลาย แค่ความรู้พื้น ๆ ที่บริษัทเป็นนิติบุคคล ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็ต้องฟ้องร้องบริษัท แล้วคนที่จะต้องรับผิดชอบคือ “กรรมการบริษัท” ไม่ใช่ “ผู้ถือหุ้น”

ความรู้พื้น ๆ แค่นี้ ฟายบูดก็ยังออกมาโชว์โง่ได้อย่างหน้าไม่อาย เพียงเพื่อบิดเบือนให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเด็นการเปลี่ยนแปลงกฎหมายทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ทีนี้เข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่าทำไมผมถึงเรียก นายปิยบุตร แสงกนกกุล ว่า “ฟายบูด” ? ถูกเปิดโปงความโง่และความกลวงขนาดนี้ เมื่อไหร่ Piyabutr Saengkanokkul จะรู้จักอาย และหยุดทำตัวหนักแผ่นดินเสียที? #ฟายบูดยิ่งพูดคนไทยยิ่งรู้ว่ามันโง่ #ต้องโง่แค่ไหนถึงนับถือฟายบูดเป็นอาจารย์ #ต้องโง่ขนาดไหนถึงหลงเชื่อฟายบูด