“ทิพานัน” ฉะแหลก “ธนาธร” โจมตีวัคซีน พูดด้านเดียวโยนบาปให้รัฐ ตกเป็นจำเลยสังคม พฤติกรรมเลือดเย็น หาผลประโยชน์บนชีวิตของคนไทย

3387

นางสาวทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม. เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงกรณีที่บริษัทแอสตร้าเซเนก้า ชี้แจงเหตุผลในการเลือกบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ผลิตวัคซีนว่า เป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่าบริษัทแอสตร้าเซเนก้า

เลือกบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์บนหลักการด้านศักยภาพ และความสามารถในการเป็นผู้ผลิตวัคซีนระดับโลก ที่ได้รับการรับรองตามหลักเกณฑ์และใบอนุญาตการผลิตในภูมิภาค ปราศจากข้อกังขาใด ๆ

เนื่องจากโลกในปัจจุบันนี้ ผู้ผลิตเป็นเจ้าของตลาดวัคซีน มีอำนาจเป็นผู้กำหนด ไม่ใช่ตลาดของผู้ซื้อ ซึ่งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ทำธุรกิจมาก่อน ย่อมจะเข้าใจกลไกดี แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ กลับเลือกพูดข้อมูลเพียงด้านเดียว เพื่อยุแยงตะแคงรั่วให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงต่อกระบวนการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลที่มีการดำเนินการมาอย่างถูกต้อง โปร่งใส รอบคอบ

ฉะนั้นนายธนาธร คณะก้าวหน้า และพรรคก้าวไกลที่มีแนวทางการดำเนินการสอดคล้องกันจึงควรหยุดพฤติกรรมอำมหิต นำกรณีวัคซีนและชีวิตความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองได้แล้ว

รัฐบาลและทีมผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนพยายามดำเนินการอย่างเต็มที่ ภายใต้ข้อจำกัดและเงื่อนไขของผู้ผลิต ข้อกฎหมายและงบประมาณ เพราะมีข้อขัดข้องทางกฎหมายที่ไม่อนุญาตให้รัฐจ่ายเงินจองซื้อสินค้าที่ยังไม่มีการผลิต และ การมีเงื่อนไขว่า หากไม่สำเร็จจะไม่ได้รับเงินคืนก็ไม่สามารถทำได้ หรือหากสำเร็จจะมีโอกาสซื้อได้ในราคาต่ำกว่าราคาที่เราซื้อเมื่อเขาผลิตได้แล้ว ซึ่งหากรัฐบาลทำเช่นนั้น ก็จะพาประเทศไปสู่ความเสี่ยง ซึ่งหากเป็นแบบนั้นนายธนาธร ก็จะออกมาจากห้องแอร์ พูด ๆ พิมพ์ ๆ ตำหนิรัฐบาลอีกอยู่ดี

อีกทั้งในสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้ รัฐบาลแก้ปัญหาด้วยการเลือกวัคซีนที่ดีที่สุด และราคาเหมาะสมที่สุด ในขณะที่ประชาชนยังสามารถร่วมภาคภูมิใจที่ประเทศไทยเป็นผู้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนไวรัสโคโรนา 2019 และเป็นฐานผลิตในภูมิภาคอาเซียนด้วย

ส่วนกรณีเรียกร้องให้มีการเปิดสัญญาต่าง ๆ นั้น นายธนาธรทำธุรกิจมาก่อน ย่อมทราบดีว่าทำได้หรือไม่ได้ เพราะต้องได้รับการยินยอมจากคู่สัญญา แต่ก็เลือกที่จะตั้งคำถามประเด็นนี้ขึ้นมา พูดจากครึ่ง ๆ กลาง ๆ เพราะรู้ว่ามีข้อติดขัดทางกฎหมาย เป็นการเสแสร้ง ไร้เดียงสา ที่ต้องการให้รัฐบาลตกเป็นจำเลยของสังคมทั้งที่ตนเองรู้อยู่เต็มอก ซึ่งในกรณีนี้บริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องก็มีสิทธิตั้งคำถามกลับต่อนายธนาธรที่เจตนาจี้ให้เปิดสัญญา ว่ามีเบื้องหลังอะไรหรือไม่ หรืออาจหวังให้ข้อมูลทางเทคโนโลยีรั่วไหลไปยังคู่แข่ง ด้วยหวังผลประโยชน์ในทางมิชอบด้วยหรือไม่

“นายธนาธร ควรหยุดสร้างพื้นที่ข่าวให้ตนเอง สร้างความวุ่นวายให้คนทำงาน ควรปล่อยให้แพทย์และคนทำงานได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ เพราะกระบวนการการจัดหาวัคซีนมีผลต่อความปลอดภัยในชีวิตของคนไทย แต่ทีมงานต้องคอยนำข้อมูลที่ถูกต้องมาชี้แจงประชาชนรายวันแทนที่จะได้มุ่งหน้าทำงานอย่างเต็มที่

แต่นายธนาธรกลับไปนำชุดข้อมูลต่างๆ มาปะติดปะต่อแบบคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง แล้วตั้งคำถามจากสมมติฐานที่อคติ ไม่สร้างสรรค์ เพื่อความสะใจของตนเอง ก็ต้องถามว่าตอนนี้ สะใจแล้วหรือยัง ที่แพทย์และคณะทำงานถูกบั่นทอนกำลังใจจากการชี้นำกลุ่มผู้สนับสนุนของนายธนาธร และคนทำงานยังต้องทำงานหนักและเสี่ยงนานขึ้น”


วันนี้บริษัทแอสตร้าเซเนก้า ออกมาชี้แจงเองแล้ว หากนายธนาธรยังไม่หยุด ยังไม่เข้าใจ หรือไม่พยายามที่จะเข้าใจ ประชาชนก็จะตาสว่างเองว่าเจตนาของนายธนาธรคืออะไร นายธนาธรทำไปเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ หรือแสวงหาประโยชน์ทางการเมืองบนความเป็นความตายเพื่อบรรลุเป้าหมายในการโจมตีสถาบันอย่างอำมหิตที่สุดกันแน่