จากกรณีราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง “พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี 2563 จำนวน 31,268 คน
ต่อมาเฟซบุ๊ก “ซึ่งต้องพิสูจน์” ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุเนื้อหาจากการตรวจสอบรายชื่อหลังมีการโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แล้วโดยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย พ.ศ. 2536 ได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่สมาชิกรัฐสภาและผู้ที่เกี่ยวข้องในวงงานรัฐสภา
โดยจากการตรวจสอบต่อไปก็ยังพบข้อความที่น่าสนใจอย่างน่าตั้งข้อสังเกตสำหรับรายชื่อเพราะมีบรรดาส.ส.ของพรรคฝ่ายค้านอย่างก้าวไกลเป็นจำนวนหลายคนดังนี้ ส.ส. ก้าวไกลอย่างน้อย 25 คน ในฐานะ ส.ส. 22 คน คือ 1. นายขวัญเลิศ พานิชมาท 2. นายคารม พลพรกลาง 3. นายจรัส คุ้มไข่น้ำ 4. นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ 5. นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ 6. พันตำรวจตรี ชวลิต เลาหอุดมพันธ
- นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ 8. นายณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ 9. นายณัฐวุฒิ บัวประทุม 10. นายทองแดง เบ็ญจะปัก 11.นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร 12. นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ 13. นายวาโย อัศวรุ่งเรือง 14. นายวรภพ วิริยะโรจน์ 15. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร 16. นายวุฒินันท์ บุญชู 17. นายศักดินัย นุ่มหนู 18. นายสมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล 19. นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ 20. นางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ 21. นางสาวเบญจา แสงจันทร์ 22. นางสาววรรณวิภา ไม้สน รวมทั้งยังพบในฐานะประธานกรรมาธิการ 3 คน 1. นายปดิพัทธ์ สันติภาดา 2. นายสุเทพ อู่อ้น 3. นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล
ขณะความเคลื่อนไหวหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในวันเดียวกันนี้กับรายงาน ที่ออกมาตอบโต้คำกล่าวอ้างของคนบางคนที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชย์โดยอ้างว่าไม่รู้เรื่องทางรัฐสภาเป็นผู้ดำเนินการขอพระราชทานให้ แต่มีเอกสารที่เผยแพร่กันอยู่ในขณะนี้ซึ่งพบว่าเป็นแบบฟอร์มในการขอพระราชทานเครื่องราชย์ โดยมีข้อเท็จจริงเป็นประจักษ์พยานลายมือชื่อที่เอกสารดังกล่าวมีการเซ็นรับรองการขอเอง เบื้องต้นพบ 7 ราย ที่ปรากฏชัดเจนว่ารับรองคุณสมบัติตนเองในการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทั้งบางคนยังขอให้ครอบครัว คือ คู่สมรสด้วย
ล่าสุดวันนี้ 27 มกราคม 2564 นายรังสิมันต์ โรม รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล และส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์ถึงกรณีการเรียกคืนเบี้ยยังชีพของผู้สูงอายุ ทั้งยังได้โยงไปถึงการจับกุมผู้กระทำผิดตามมาตรา 112 ด้วยว่า
เรามีระบบราชการที่เรียกคืนเงินเบี้ยคนชราจากคุณยายวัย 89 ปี เพราะซ้ำซ้อนจากเงินสวัสดิการของลูกชายที่เสียชีวิตในหน้าที่ทหาร เรามีรัฐบาลที่อนุมัติงบเกือบ 200 ล้าน ไปคุมม็อบ ในขณะที่ประชาชนอีกจำนวนมากยังเข้าไม่ถึงการเยียวยาโควิด แล้วก็ไปฟ้อง # ม.112 คนตรวจสอบวัคซีน # มีรัฐบาลไว้ทำไม
อย่างไรก็ตามในประเด็นเรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุนั้น เมื่อวานนี้ คือวันที่ 26 ม.ค. 2564 ทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ได้ออกมากล่าวถึงแล้ว ซึ่งเป็นกรณีคุณยายวัย 89 ปี ชาวบุรีรัมย์ ถูกกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เรียกเก็บเบี้ยผู้สูงอายุคืนย้อนหลัง 10 ปี 84,400 บาท โดยได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปสำรวจข้อเท็จจริงแล้วว่าจะดูแลกันอย่างไรต่อไป
“เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลายปีที่แล้ว ไม่ใช่เพิ่งเกิด เพราะปัจจุบันมีการเชื่อมโยงต่างๆจากกรมบัญชีกลางแล้ว และปัญหาแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป วันนี้ก็เป็นเรื่องการพบปะหารือพูดคุยกับผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ต่อข้อถามว่า สั่งการแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้กระทรวงการคลังดูแล เมื่อมีปัญหาก็ต้องตรวจสอบ ระเบียบว่าอย่างไรก็ไปเจรจากัน”