จากที่อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พูดถึงความพร้อมรองรับการฉีดวัคซีนโควิด 19 สำหรับคนไทยทุกคน โดยที่ไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด โดยคาดว่าจะมีการเริ่มฉีดในช่วงวันที่ 14 ก.พ. 2564 นั้น
ทั้งนี้หลังจากที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้ออกมาดิสเครดิตรัฐบาล ว่าร่วมมือกับทางด้านของสยามไบโอฯ เพื่อทำการผูกขาดวัคซีนโควิด-19 โดยมุ่งหวังเพื่อที่จะขายวัคซีนในราคาสูง เพราะว่ามีเพียงแค่เจ้าเดียว พร้อมยทั้งยังได้เรียกว่า “วัคซีนพระราชทาน”
ล่าสุดวันนี้ 26 มกราคม 2564 นายธนาธร ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กถึงนายอนุทินอีกครั้ง โดยกล่าวถึงการติดตามการทำงานของรัฐบาลในการจัดหาวัคซีนให้กับประชาชนไทยด้วยความเป็นห่วง ต่อมามีผู้แสดงความคิดเห็นต่อการแสดงออกของผมหลายคน มีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งรวมถึงนายอนุทินด้วยว่า
“ผมจึงอยากขอใช้โอกาสนี้ สื่อสารถึงคุณอนุทินและหวังว่าคุณอนุทินจะชี้แจงประเด็นเหล่านี้ให้สังคมหายสงสัย
ข้อแรก ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือ จนถึงวันนี้เรามีวัคซีนที่เจรจาเสร็จ มีความชัดเจนในการส่งมอบ ครอบคลุมเพียงแค่ร้อยละ 21.5 ของจำนวนประชากรเท่านั้น ในจำนวนนี้ มาจาก AstraZeneca 26 ล้านโดส (หรือร้อยละ 20 ของจำนวนประชากร) และ Sinovac 2 ล้านโดส (หรือคิดเป็นร้อยละ 1.5 ของจำนวนประชากร)
การจัดหาวัคซีนที่ครอบคลุมประชากรเพียงร้อยละ 21.5 ต่ำกว่าและช้ากว่าหลายประเทศในโลก การฉีดวัคซีนเพียงร้อยละ 21.5 ของจำนวนประชากรสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสังคมไม่ได้
ข้อสอง นอกจากการจัดหาวัคซีนจะครอบคลุมคนจำนวนน้อยแล้ว การฉีดวัคซีนยังล่าช้ากว่าช่วงเวลาที่ควรจะเป็น ตามกรอบเวลาที่เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขได้อธิบายกับกรรมาธิการสาธารณสุขของสภาฯ เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาระบุว่า รัฐบาลวางแผนจะฉีดวัคซีนให้กับประชาชนกร 11 ล้านคนในปี 2564, อีก 11 ล้านคนในปี 2565 และอีก 10.5 ล้านคนในปี 2566
รวมกันเท่ากับ 32.5 ล้านคน หรือกล่าวได้ว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรจะได้รับวัคซีนแล้วเสร็จในปี 2566 นั่นหมายความว่า หากผมไม่ออกมาตั้งคำถาม รัฐบาลเดินหน้าตามแผนนี้ ประชาชนจะต้องอดทนกับสถานการณ์กึ่งปิดกึ่งเปิดอย่างนี้ต่อไปอีกอย่างน้อย 3 ปี และอีกสามปีนี้อาจจะมีความเสี่ยงแพร่ระบาดครั้งที่สามครั้งที่สี่ต่อไปได้ คนที่ต้องแบกรับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่หนักที่สุดคือคนหาเช้ากินค่ำ คือแรงงานนอกระบบ คือคนที่ชีวิตมีความเปราะบาง ไม่มีสวัสดิการใดๆ รองรับ คนเหล่านี้ต้องอยู่กับความกลัวและความไม่แน่นอนในชีวิตไปอีกสามปี
ประชาชนต้องการ์ดอย่าตกไปอีกสามปี ขณะที่รัฐบาลไม่ได้แสดงให้เห็นเลยว่าเข้าใจประชาชน และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหาวัคซีนให้กับประชาชนอย่างครอบคลุมและฉับไว
ข้อสาม การมีวัคซีนคือแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่ตราบใดที่เรายังไม่สามารถฉีดวัคซีนในกับประชากรได้ในจำนวนที่มากพอ เราก็ยังอยู่ในอุโมงค์ที่มืดมิดอยู่ ประชาชนยังต้องใช้ชีวิตอยู่กับความกลัวอยู่ นักท่องเที่ยวจะไม่กลับเข้ามา ภาคธุรกิจไม่มีความแน่นอน การเจรจาการค้ากับต่างประเทศก็ชะงักชะงัน และที่สำคัญ เราจะเสียเปรียบทางการแข่งขันกับประเทศที่ฉีดวัคซีนเสร็จก่อนเรา”
นอกจากนี้นายธนาธร ยังกล่าวอีกว่า ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์น่าจะพอพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าประเทศอื่นกำลังดำเนินการเช่นไร อิสราเอลประกาศจะฉีดวัคซีนให้กับผู้ใหญ่ทุกคนภายในไตรมาสแรกของปีนี้ อินโดนีเซียเริ่มฉีดวัคซีนแล้วในต้นเดือนมกราคม ประเทศที่ทำสัญญาที่ผูกพันทางกฎหมายกับ COVAX จะได้วัคซีนในเดือนกุมภาพันธ์
“การไม่พยายามจัดหาวัคซีนนี้ อาจเกิดจากรัฐบาลประมาท คิดว่าสามารถรับมือกับโควิดได้ จึงไม่รีบจัดหาวัคซีน ซึ่งการแพร่ระบาดรองสองปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่ารัฐบาลจัดการการแพร่ระบาดไม่ได้อย่างเบ็ดเสร็จตามที่คาดไว้
ข้อสี่ การจัดหาวัคซีนไม่ครบนี้ อาจมาจากการฝากความหวังไว้ที่บริษัทบริษัทเดียว ผมจำเป็นต้องย้ำในที่นี้อีกครั้งว่าผมเห็นด้วยและสนับสนุนให้เกิดการผลิตวัคซีนในประเทศตั้งแต่ต้นน้ำ และผมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคนที่พยายามทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ
แต่สิ่งที่ผมกำลังตั้งคำถามคือกระบวนการคัดเลือกบริษัทเอกชนรายใดรายหนึ่งมาทำภารกิจนี้ ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นจำนวนมาก โดยไม่มีการเปรียบเทียบคุณสมบัติกับรายอื่นๆ อย่างเป็นระบบ เป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่
หลายฝ่ายพยายามลดความน่าเชื่อถือของผมโดยพยายามพูดให้สังคมคล้อยตามว่าผมไม่รู้จริงหรือทำการบ้านมาไม่ดีพอ ผมยืนยันในที่นี้อีกครั้งว่าจากเอกสารของหลายหน่วยงานและการให้สัมภาษณ์หลายครั้ง ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ สัญญาซื้อวัคซีนระหว่างรัฐบาลกับ AstraZeneca , สัญญาจ้างผลิตระหว่าง AstraZeneca กับบริษัท Siam Bioscience และสัญญาการสนับสนุนงบประมาณระหว่างรัฐบาลและ Siam Bioscience เจรจาในเวลาพร้อมๆ กัน มีเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกันไปมา ไม่ได้เจรจาเป็นเอกเทศ เป็นอิสระจากกันและกัน และไม่ปรากฏว่ามีตั้งคณะกรรมการเฟ้นหาผู้ที่เหมาะสมในการผลิตหรือกำหนดคุณสมบัติการคัดเลือกอย่างเป็นระบบ
ข้อห้า ในเมื่อรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนทั้งงบประมาณและการเจรจาให้เกิดสัญญาต่างๆ เหล่านี้ขึ้นมา อย่าอ้างว่าเป็นสัญญาระหว่างเอกชนกับเอกชน ประชาชนย่อมมีความชอบธรรมที่จะขอเปิดเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเจรจาทั้งหมดของทุกหน่วยงานและเอกสารสัญญาเหล่านี้”
อย่างไรก็ตามประธานคณะก้าวหน้า ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ตั้งคำถามด้วยความปรารถนาดีต่อประชาชนไทย ด้วยหวังว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ในการจัดหาวัคซีน ปรับเปลี่ยนแผนเดิมและมุ่งมั่นจัดหาและฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมกับจำนวนประชากรมากที่สุดและเร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนคนไทยได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ปราศจากความกลัว เศรษฐกิจไทยกลับมาเดินหน้าอย่างมีพลัง ลดความไม่แน่นอนให้กับผู้ประกอบการ ลดงบประมาณที่จะต้องใช้จ่ายเพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงที่อนาคตไม่ชัดเจน