สหรัฐผวาแน่?!? จีนคุมแร่ผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้ายุคใหม่กว่า 51% ทั่วโลก หวั่นผูกขาดต้องพึ่งพา กระทบมั่นคงประเทศ

2567

ความสำเร็จของจีนในการครอบครองแหล่งแร่พิเศษ ต้นทางการผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้า และทำให้บริษัทของจีนกลายมาเป็น ผู้นำในห่วงโซ่อุปทานการผลิตแบตเตอรี่ยุคใหม่ของโลก ที่เป็นส่วนสำคัญของเทคโนโลยีรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและอุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนบุคคลต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปไปเรียบร้อยแล้ว ทำสหรัฐกังวลจะต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานไฟฟ้ายุคใหม่ในอนาคตจากจีน ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางพลังงานในอนาคต

บลูมเบิร์กด้านการเงิน-พลังงานยุคใหม่ (Bloomberg New Energy Finance: BNEF)รายงานว่า ภายในปี 2040 นับจากการสำรวจปี 2019 นักวิเคราะห์ด้านพลังงานคาดจะมีผู้ใช้รถยนต์ กว่า 50% ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่สะอาดขับเคลื่อนมากขึ้น เพื่อลดผลกระทบด้านมลภาวะจากการใช้น้ำมันหรือก๊าซ 

ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าเหล่านั้นจะใช้แบตเตอรี่ที่ผลิตจากจีน ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่ใช้ลิเทียม-ไออน ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งอุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัวเช่น โทรศัทพ์มือถือ, แล็ปท้อป และระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ต่างๆ ซึ่งจำเป็นต้องใช้พลังงานมาก สอดคล้องกับความเห็นของ กระทรวงพลังงานของสหรัฐอเมริกาหนังสือพิม์ซินหัวกล่าวเมื่อเดือนสิงหาคมทีผ่านมาว่า “จีนครองตลาดแบตเตอรี่ไฟฟ้าระดับโลกและจะก้าวต่อไปไม่หยุดยั้ง”

สหรัฐ-จีนวางแผนลดพลังงานฟอสซิล

ทั้งประเทศจีนและสหรัฐ กำลังขับเคี่ยวด้านเทคโนโลยีทันสมัย 5G การต่อสู้ชิงนำซัพพลายเชนแบตเตอรี่จึงยังถูกมองข้ามไป แต่ไม่นานปัญหานี้จะเด่นชัดขึ้น เพราะรัฐบาลและประชาชนสหรัฐอเมริกา สนับสนุนและตั้งเป้าหมายเปลี่ยนแปลงการใช้พลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด ซึ่งคือรูปแบบแบตเตอรี่ไฟฟ้า ทั้งด้านพาหนะ โครงข่าวไฟฟ้า, โทรศัทพ์มือถือ, แล็ปท้อป และคอมพิวเตอร์

จากการรายงานข้อมูลสถิติของBenchmark Mineral Intelligence ซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่ที่ลอนดอน ทำการสำรวจอุตสาหกรรมผลิตแบตเตอรี่ ในปี 2019 พบว่า บริษัทด้านเคมีของจีนมีมูลค่าการถือครองวัตถุดิบเพื่อผลิตแบตเตอรี่ถึง 80% ของทั้งโลก

“การผลิตแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออนในโรงงานผลิตจำวน 136 แห่งจะมีขึ้นในปี 2029 และ 101 แห่งอยู่ในประเทศจีน” ประเทศจีนเป็นแหล่งผลิตธาตุพิเศษ (rare earth-ลิเทียม โคบอลท์หรือกราฟไฟต์) นายพินิ อัลทัส ผู้อำนวยการจาก หน่วยแร่พิเศษสหรัฐเปิดเผยต่อหนังสือพิมพ์ VOA

ประเด็นความมั่นคงพลังงานทำให้สหรัฐกังวล

การที่จีนเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ยุคใหม่ก็จะกลายมาเป็นเรื่องใหญ่ และผูกเข้ากับความมั่นคงของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา นักการเมืองอเมริกันพยายามหาทางปกป้องประเทศไม่ให้ต้องประสบปัญหาใดๆ จากเงื้อมมือของผู้ผลิตน้ำมันในต่างประเทศ จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว ที่รัฐบาลสหรัฐฯสามารถประกาศความเป็นอิสระทางด้านพลังงานของประเทศสำเร็จ ด้วยการผลิตน้ำมันและแก๊สเพื่อใช้งานในประเทศอย่างเพียงพอ (การเกิดขึ้นของ Shale Oil: การผลิตน้ำมันจากหินดินดาน) ซึ่งสหรัฐมองว่าเป็นการปฏิวัติพลังงานยุคใหม่ของตน แต่ความหวานชื่นนี้อยู่ไม่นาน เมื่อการระบาดโควิดก้าวเข้ามา และอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐดิ่งเหวลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบ 2 ทศวรรษ

สำนักงานสำรวจทางภูมิศาสตร์แห่งสหรัฐฯ หรือ USGS กล่าวว่า ความท้าทายใหม่ของสหรัฐฯ คือ การควบคุมแหล่งวัตถุดิบที่เป็นส่วนประกอบของการผลิตพลังงานในยุคต่อไป เนื่องจาก ปัจจุบัน สหรัฐฯ มีการนำเข้าโคบอลท์ ถึง 78 เปอร์เซ็นต์ และมีการนำเข้ากราไฟท์ทั้งหมดที่ใช้งานในประเทศด้วย ทำให้เชื่อว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ สหรัฐฯ จะต้องพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานของจีนในการผลิตแบตเตอรี่เพื่อเสริมสร้างกำลังให้กับเศรษฐกิจของประเทศอย่างแน่นอน

จีนคุมแหล่งลิเทียมของโลก

ประเทศจีนเป็น 1 ใน 5 แหล่งลิเทียม-หน่วยUSGS เปิดเผยรายงานปี 2020 ในอดีตแหล่งผลิตแร่ลิเทียมในออสเตรเลียและอเมริกาใต้ มีแร่มากที่สุด แต่ปัจจุบีน เหมืองเทียนหงีลิเทียมของจีน มีลิเทียม 51% นับเป็นแหล่งลิเทียมใหญ่ที่สุดในโลกไปแล้ว ในปี 2018 บริษัทนี้ได้จ่ายเงิน4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นในบริษัทเอสคิวเอ็ม: Sociedad Quimica y Minera (SQM) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตลิเทียมใหญ่ที่สุดในชิลี  นอกจากนี้บริษัทผลิตลิเทียมของจีนอีกแห่งชื่อ กังเฟ็งลิเทีย มีสัญญาระยะยาวในการซื้อแร่ลิเทียมกับบริษัท Australis’s Mount Marion mine ซึ่งเป็นแหล่งแร่ลิเทียมเกรดสูง