โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร ห้ามบุคคลและนิติบุคคลในสหรัฐลงทุนในบริษัทจีน ที่รัฐบาลสหรัฐมองว่ากองทัพจีนเป็นเจ้าของหรือเข้าไปครอบงำได้
คำสั่งดังกล่าวมีผลทันทีกับบริษัทจีน 31 รายที่อยู่ในบัญชีรายชื่อบริษัทที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาและปรังปรุงกองทัพจีนให้ทันสมัย และเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐโดยตรง
ด้านผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือชื่อดัง หัวเว่ย เทคโนโลยี และผู้ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์กล้องวงจรปิดรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ไฮค์ วิชั่น ก็อยู่ในรายชื่อดังกล่าวด้วย ขณะเดียวกันก็มีรายชื่อบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กด้วยเช่นกัน อาทิ ไชน่า เทเลคอม และโชน่า โมบายล์
คำสั่งดังกล่าวของประธานาธิบดีสหรัฐยังห้ามนักลงทุนชาวสหรัฐถือหรือค้าหลักทรัพย์ใด ๆ ที่มีที่มาหรือเกี่ยวข้องกับบริษัทเหล่านี้ ทั้งยังรวมไปถึงกองทุนหรือการถือหุ้นในบริษัทที่อยู่ในรายชื่อดังกล่าวด้วย
โดยทรัมป์ระบุในคำสั่งว่า จะให้เวลานักลงทุนจนถึงเดือน พ.ย. 2564 ในการถอนทุนทั้งหมดออกจากบริษัทเหล่านี้ คำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่สหรัฐและจีนกำลังทำสงครามการค้ากันอย่างรุนแรง และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 ม.ค. ปีหน้า
ก่อนหน้านี้มีรายงานด้วยว่าสหรัฐฯ ได้ขึ้นบัญชีดำบุคคลและบริษัทจีน โดยระบุว่ามีส่วนร่วมในการก่อสร้างและปฏิบัติการทางทหารของจีนในทะเลจีนใต้ โดยนับเป็นการคว่ำบาตรระลอกแรกต่อจีนจากประเด็นความขัดแย้งในน่านน้ำยุทธศาสตร์
โดยกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ ขึ้นบัญชีดำรัฐวิสาหกิจของจีน 24 แห่ง โดยบริษัทที่ถูกคว่ำบาตรส่วนใหญ่อยู่ในเครือของบริษัทการก่อสร้างการสื่อสารจีน ( ซีซีซีซี ) จากการมีบทบาทมากที่สุดต่อการถมทะเลเพื่อก่อสร้างเกาะเทียม ซึ่งขั้นตอนการก่อสร้างเกาะเทียมและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง สร้างความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐประกาศว่า บุคคลสัญชาติจีนซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัทที่อยู่ในรายชื่อ จะถูกจำกัดในการออกวีซ่า
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของสหรัฐในการจัดการกับบริษัทที่ผลิตสินค้าที่เข้าข่ายว่าอาจสนับสนุนกิจกรรมทางทหารของจีน และมีขึ้นในช่วงใกล้จะถึงวันเลือกตั้งของสหรัฐในวันที่ 3 พฤศจิกายน ซึ่งทั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ และนายโจ ไบเดน คู่แข่งต่างวิพากษ์วิจารณ์จีนอย่างมาก
