ดร.เสรี จี้ “บิ๊กตู่” ถึงเวลาลงแส้ จัดการเด็ดขาด 100 นายกฯทำไม่ได้ จะมากหรือน้อยก็ต้องทำ

1870

จากกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว(BCG) ครั้งที่ 1/2564 ถึงการติดตามปัญหาเรื่องของบ่อนการพนัน แรงงานเถื่อน

ที่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวจะทำหน้าที่ติดตามผลการปฏิบัติงานและให้รายงานผลขึ้นมาทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ป.ป.ท. กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอเพราะเกี่ยวพันไปถึงเรื่องยึดทรัพย์ด้วยเช่นเดียวกับกรณีของยาเสพติด ซึ่งแต่ก่อนนี้มีการจับกุมอย่างเดียวแต่ไม่สามารถหาตัวนายทุนได้เจอ แต่ปัจจุบันมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินด้วยก็จะทำการยึดทรัพย์ซึ่งที่ผ่านมาก็มีผลงานตามระยะเวลาซึ่งอาจจะมากขึ้นเรื่อย ๆ จะแก้ปัญหากันได้เสียที


สิ่งสำคัญที่สุดคือ เรื่องของยาเสพติด เราต้องมาช่วยกันคิดว่าทำอย่างไรดีมานด์หรือความต้องการจะลดลง โดยประชาชนทุกคนจะต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะเมื่อมีคนต้องการก็ย่อมมีคนที่ลักลอบเอามาขาย มีคนแสวงหาผลประโยชน์ถ้าเราสามารถแก้ปัญหาได้โดยทุกครอบครัวไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกประเภทก็จะแก้ปัญหาได้แต่ ถ้ายังปล่อยให้มีความต้องการสูง ก็มีคนลักลอบทำกันอยู่เรื่อย ๆ การจับกลุ่มก็ไม่สามารถทำได้ทั้งหมดซึ่งต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วยสิ่งสำคัญคือชุมชนจะต้องช่วยกันเฝ้าระวังแจ้งเบาะแสเข้าไปถ้าแจ้งกับตำรวจพื้นที่ยังทำอะไรไม่ได้ก็ให้แจ้งมาที่ตนก็จะได้สั่งการและกำชับลงไปเป็นราย ๆ ไป

“เช่นเดียวกับเรื่องของการพนันวันนี้ก็ยังมีคนที่แอบไปเล่นอยู่ ในลักษณะที่ไปหาที่เล่น ผมก็ไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้อาชีพเขาคืออะไรหรืออาชีพเขาคือการเล่นการพนัน ยังสามารถจับกุมได้อยู่ทุกวันทั้งรายย่อยเล่นกันไม่กี่คน เล่นตามโรงแรม ตามรีสอร์ท เราจำเป็นต้องแก้ปัญหาตรงนี้ให้ได้ว่าทำอย่างไรคนไทยถึงจะลดสิ่งเหล่านี้ลงได้ เพราะการเล่นการพนันเวลาที่เสียหายแล้วยิ่งกว่าไฟไหม้บ้าน หรือโจรปล้นบ้านเสียอีก เป็นภาระเรื้อรังครอบครัวก็ไม่มีความสุข ก็ขอร้องให้ช่วยกันบรรเทาตรงนี้ลง จะได้ช่วยกันแบ่งเบาปัญหาลงไปบ้าง ไม่มีใครทำได้สำเร็จเพียงคนเดียว ต่อให้ 100 นายกฯก็ทำไม่ได้ ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือกัน ไม่ว่าใครจะเก่งกาจสามารถแค่ไหนก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น ผมก็ไม่ได้รับว่าผมเก่งที่สุด แต่ผมมีความตั้งใจมีเจตนารมณ์ที่บริสุทธิ์ที่จะทำทุกอย่างให้ได้ แต่ทั้งหมดต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน”


ล่าสุดทางด้านดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า เรื่องการจัดการกับการนำแรงงานเถื่อนเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย และการจัดการกับบ่อนผิดกฎหมาย คือจุดเป็นจุดตายของนายกฯ อย่ามองข้ามเด็ดขาด

เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้เถอะ อย่าเกรงใจใครทั้งนั้น ท่านเป็นนายกฯที่มีอำนาจมากกว่านายกฯอีกหลายคน และมีคนจำนวนมากเป็นแนวร่วมของท่าน ทำเถอะ

อย่าพูดว่าร้อยนายกฯ ก็ทำไม่ได้ มันต้องมีหนทาง ทำได้มากได้น้อยแค่ไหนก็ต้องทำ ต้องทำให้ประชาชนเห็นว่าท่านมีความตั้งใจที่จะทำ

หากเจ้าหน้าที่คนใดไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ทำหน้าที่ตามที่ควรจะทำ ท่านต้องลงแส้ ท่านต้องจัดการ ต้องปลดก็ปลด อย่าเกรงใจ เอาเรื่องตามกฎหมายทั้งอาญาและวินัย ทำเถอะ แล้วต้องรีบทำด้วย ประชาชนรอดูอยู่

อย่างไรก็ตามพบว่า เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2564 ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกลาโหม ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 9/2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำความผิดกรณีสถานที่เล่นการพนัน เป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019


โดยคำสั่งดังกล่าวมีเนื้อหาระบุว่า ตามที่ปรากฏว่าโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ผลการสอบสวนโรคเชื่อว่าเหตุสำคัญของการแพร่ระบาดครั้งนี้ประการหนึ่งเกิดจากการติดต่อสัมผัสระหว่างบุคคลที่เข้าชุมนุมมั่วสุมโดยเฉพาะสถานที่เล่นการพนัน แม้การกระทำดังกล่าวจะเป็นความผิด แต่ช่วงที่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยิ่งนับเป็นความเสี่ยงร้ายแรง สมควรให้มีคณะกรมการตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายในภาพรวมอีกระดับหนึ่ง และติดตามดูแลการทำงานทั้งระบบตลอดจนประสานงาน ให้คำแนะนำการดำเนินการแก่เจ้าหน้าที่ในการป้องกัน ปราบปราม และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ วางมาตรการป้องกันมิให้เกิดเหตุทำนองนี้ขึ้นอีก

สำหรับเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงตามกฎหมายนั้นก็ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปอย่างเคร่งครัด มิฉะนั้นจะถือเป็นความผิดทั้งทางวินัยและทางอาญา

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (6) แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน นายกฯจึงมีคำสั่ง ให้มีคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำความผิด กรณีสถานที่เล่นการพนันเป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ประกอบด้วย

นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน , คณะกรรมการประกอบด้วย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ,ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ที่ได้รับมอบหมาย ,รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ที่ได้รับมอบหมาย ,จเรตำรวจ ที่ได้รับมอบหมาย

รองอธิบดีกรมการปกครอง ที่ได้รับมอบหมาย ,รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ได้รับมอบหมาย , รองเลขาธิการ ปปท. ที่ได้รับมอบหมาย เป็นกรรมการและเลขานุการ ,นายจารุเดช บุญญสิทธิ์ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

คำสั่งระบุด้วยว่า ให้คณะกรรมการ มีอำนาจตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายกรณีการกระทำผิดเกี่ยวกับกรเปิดสถานที่เล่นการพนัน จนเป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และประสานงาน ตลอดจนให้คำแนะนำการดำเนินการแก่เจ้าหน้าที่ในการนำตัวผู้กระทำผิดไม่ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบุคคลใด ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาลงโทษ และเสนอมาตรการป้องกันหรือการดำเนินการอื่นที่เหมาะสมโดยให้มีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน และประสานกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอข้อมูลรวมทั้งการรับเรื่องร้องเรียนชี้เบาะแสจากประชาชน แล้วรายงานทางลับให้นายกรัฐมนตรี พิจารณาสั่งการตามความจำเป็นหรือทุกรอบ 30 วัน ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป