คำพิพากษา ศาลฎีกายืน ยึด 42 ล้าน คืนแผ่นดิน พบเมียอริสมันต์รวยเว่อร์

7696

จากกรณีเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2564 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน

คดีหมายเลขดำที่ อม.อธ.7/2562 คดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ. 13/2563 ระหว่าง อัยการสูงสุด ผู้ร้อง นางสาวจันทาภา พิษณุไวศยวาท ที่ 1 บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ที่ 2 นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ที่ 3 ผู้คัดค้าน นางระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง ผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาและผู้คัดค้านที่ 1 อุทธรณ์คัดค้านคําพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองลงวันที่ 16 กันยายนพ.ศ. 2562 องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์รับ วันที่ 24 มิ.ย. 2563

ย้อนไปก่อนหน้านั้น เมื่อ 11 ก.ย. 2563 ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีคำพิพากษาในชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ พิพากษายืน ตามศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นางระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ภรรยานายอริสมันต์มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ 11 รายการรวม 42,816,226.64 บาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน โดยเห็นว่าอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ของผู้ถูกล่าวหา และ น.ส.จันทภา พิษณุไวศยวาท ผู้คัดค้านที่ 1 ฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษาให้ยืนคำพิพากษา

จากกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก นางระพิพรรณ ภรรยาของนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง กรณียื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ โดยแสดงสัญญากู้เงินแต่ไม่มีการกู้เงิน 13 ล้านบาท, แสดงรายได้จากการซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 15 ล้านบาท แต่ไม่ได้รับเงินจริงและแสดงรายได้สัญญาจ้างของนายอริสมันต์ คู่สมรส 27 ล้านบาท แต่ไม่มีหลักฐานว่ารับจ้างงาน และไม่ได้ระบุเงินลงทุน 25 ล้านบาทที่เป็นหุ้นที่ยังไม่ได้ชำระเงิน ซึ่งศาลได้พิพากษาจำคุก 2 เดือน โดยไม่รอการลงโทษและห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี พร้อมกับให้ออกหมายจับ เมื่อ 16 ก.ย. เนื่องจาก นางระพิพรรณ ไม่ไปฟังคำตัดสิน นอกจากนั้นยังมีคำสั่งริบทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ รวมกว่า 42 ล้านบาท

ต่อมาวันที่ 26 ก.ย. นายกัณต์พัศฐ์ สิงห์ทอง ทนายความ ได้พา นางระพิพรรณ จำเลยที่ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาจำคุก 2 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ กรณี ป.ป.ช.กล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จฯ เข้าแสดงตัวต่อศาลฎีกาฯ หลังจาก เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ศาลฎีกาได้มีคำสั่งให้ออกหมายจับนางระพิพรรณเนื่องจากไม่มาฟังคำพิพากษาในวันดังกล่าวและให้ติดตามตัวมารับโทษตามคำพิพากษานั้น

โดยภายหลังจากที่นางระพิพรรณ มาแสดงตัวต่อศาลฎีกาแล้ว ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ระหว่างที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าวต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาด้วย

ในวันดังกล่าว นางระพิพรรณ ให้สัมภาษณ์ว่า สามีที่ตกเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีที่ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 4 ปี ในคดีที่ร่วมกับพวกบุกล้มประชุมอาเซียน เมื่อปี 2552 ตอนที่เขาไปตนยังไม่ทราบเลย แต่จากนั้นได้มีการติดต่อกันบ้าง

กระทั่งนายกัณต์พัศฐ์ ระบุว่า หลังจากที่ยื่นคำร้องปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดีแล้ว ศาลก็พิจารณาเห็นว่า ในวันนัดอ่านคำพิพากษาจำเลยไม่ได้มาศาล ซึ่งมีพฤติการณ์น่าจะหลบหนี ดังนั้น หากปล่อยชั่วคราวก็เกรงว่าจะหลบหนีอีก จึงให้ยกคำร้อง

อย่างไรก็ตาม ในการที่มาแสดงตัวต่อศาล ก็ประสงค์ที่จะยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีต่อไปด้วย ทั้ง 2 คดี คือคดีอาญาที่ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินเป็นเท็จ และคดีแพ่งที่อัยการสูงสุดร้องขอให้ทรัพย์สินของ นางระพิพรรณ ตกเป็นของแผ่นดิน โดยการแสดงตัวต่อศาลตามหมายจับวันนี้ก็ไม่ได้แถลงเกี่ยวกับเหตุผลที่ในวันนัดฟังคำพิพากษาไม่ได้มาฟังด้วยตนเอง ซึ่งหลังจากนี้นางระพิพรรณ ก็จะต้องถูกนำตัวไปควบคุมยังทัณฑสถานหญิงกลางก่อน

หลังจากนั้น นางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำกลุ่มนปช. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเล่าเรื่องราวที่ได้มีโอกาสไปเยี่ยม นางระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง อดีตส.ส.เพื่อไทย และ ภรรยานายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง หลังต้องโทษจำคุก 2 เดือนในคดีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์ฯเป็นเท็จ โดยมีข้อความดังนี้

“วันนี้มีโอกาสไปเยี่ยมคุณระพีพรรณ พงษ์เรืองรอง (นก) อดีตส.ส.เพื่อไทย ภรรยาคุณอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ได้เป็นพิเศษที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เธอคงจะได้ออกมาในวันที่ 26 พ.ย. นี้ (ครบ 2 เดือน)”

“คุณนกดูเข้มแข็งและมองชีวิตขณะนี้เป็นประสบการณ์ชีวิตที่สำคัญ และจะเป็นบทเรียนในการใช้ชีวิตต่อไป ดิฉันดีใจที่เธอคิดเช่นนี้ ได้ให้กำลังใจเธอและบอกว่าไม่มีอะไรที่เลวทุกอย่างหรือดีทุกอย่าง ในเลวมีบางอย่างดี และในดีมีหลายอย่างเลว”