ย้อนเกล็ด “ธนาธร” เคยให้สัมภาษณ์สื่อนอก อยากให้สหรัฐฯเข้ามาช่วยไทยเป็นประชาธิปไตย ประนามว่ารัฐบาลใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม แต่เมื่อสหรัฐฯ เกิดจลาจล ผู้ชุมนุมถูกยิงเสียชีวิต กลับปิดปากเงียบ!
จากกรณีที่เกิดเหตุกลุ่มผู้ที่สนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ รวมตัวกันประท้วงการประชุมสภาคองเกรสสหรัฐ เพื่อยืนยันผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่นายโจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต คว้าชัยชนะไปได้ ทางกลุ่มผู้ชุมมนุมซึ่งทรัมป์ เป็นผู้เรียกร้องให้ออกมาชุมนุมกดดันการยืนยันผลการนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีก่อนหน้านี้ ได้บุกเข้าไปในตัวอาคารจนต้องปะทะกับเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน
โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้สเปรย์พริกไทย และมีรายการการใช้แก๊สน้ำตาจนเกิดเสียงดังและมีกลุ่มควันลอยคละคลุ้งบริเวณอาคารท่ามกลางสถานการณ์ที่วุ่นวายและยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าไปในห้องประชุมวุฒิสภาด้วย ซึ่งสามารถยับยั้งการรับรองโจ ไบเดนได้สำเร็จ ในขณะที่ทางด้าน สมาชิกสภานิติบัญญัติได้รับหน้ากากป้องกันแก๊สน้ำตาเพื่อป้องกันตัวเองจากแก๊สน้ำตาขณะที่พวกเขารีบไปที่ปลอดภัยและละทิ้งพิธีการกลางคัน
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีรายงานว่า ขณะนี้มีผู้เสียชีวิต 4 รายในพื้นที่รัฐสภา และอีก 52 รายถูกจับกุม นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนอีกหลายรายได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถ้าหากเปรียบเทียบกับประเทศไทย ที่มีการสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สลายการชุมนุมอย่างสงบโดยใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงผสมสารเคมี ตั้งแต่แยกปทุมวันไปจนถึงแยกราชเทวี ตั้งแต่เวลาประมาณ 18.50–23.15 น. โดยทางตำรวจยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามหลักสากลเรื่องการควบคุมฝูงชน แต่องค์การและปัจเจกหลายแห่งและคนทั้งในและต่างประเทศประณามการสลายการชุมนุมดังกล่าว
จากเหตุการณ์ดังกล่าว นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ก็ได้โพสต์ทวิตเตอร์ถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมม็อบคณะราษฎร 2563 โดยระบุว่า “หยุดใช้ความรุนแรงยุติการชุมนุมเดี๋ยวนี้ การชุมนุมที่ผ่านมาหลายเดือนยังไม่มีความสูญเสีย ความรุนแรงไม่ช่วยในการปัญหา ชนชั้นนำไม่เคยเรียนรู้จากประวัติศาสตร์บ้างเลยหรือ? ฟังพวกเขา ปรับตัว และหาทางออกร่วมกัน ก่อนจะสายเกินไป” ซึ่งนายธนาธร เมื่อเกิดม็อบหรือการชุมนุมทุกครั้งก็จะสร้างวาทกรรมเพื่อปลุกระดมให้เยาวชนออกมาต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพตลอด
และหากย้อนไปเมื่อปี 2562 นายธนาธรให้สัมภาษณ์กับสื่อนอกว่า “ประเทศไทยตอนนี้อยู่ในระบบประชาธิปไตยจอมปลอม และต้องการให้อเมริกาเข้ามาช่วยทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศประชาธิปไตยอีกครั้ง”
ซึ่งก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กับเป็นจำนวนมากถึงกรณีดังกล่าว ที่ว่า นายธนาธร ยกย่อง ชื่นชม สหรัฐอเมริกา ในแง่ของการเป็นประเทศที่มีสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย แต่เมื่อประเทศที่ตัวเองชื่นชมยกย่องเกิดเหตุการณ์จลาจลรุนแรงจากกลุ่มผู้ชุมนุมจนทำให้มีผู้เสียชีวิต แต่กลับปิดปากเงียบไม่ออกมาเคลื่อนไหวอะไร ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ รัฐบาลไทยมีการฉีดน้ำสลายการชุมนุม ซึ่งได้เป็นไปตามข้อปฏิบัติตามหลักสากล ธนาธรกลับออกมาต่อต้านและบอกว่าเป็นการใช้ความรุนแรง โดยที่การกระทำดังกล่าวเป็นไปตามหลักสากล สามารถใช้แก๊สน้ำตาในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมได้ตั้งแต่เริ่ม ซึ่งก็ถือว่าน่าแปลกมาก ที่เรื่องราวแบบนี้ทั่วโลกต่างๆสนับสนุนว่าไม่ใช่ความรุนแรง แต่เป็นเหตุที่พึงกระทำได้ตามหน้าที่ แต่นายธนาธรกลับมองว่า การฉีดน้ำเป็นการกระทำที่รุนแรง