พอตแลนด์แดนเถื่อน?!? ม๊อบซ้ายจัดแอนติฟาประท้วงก่อจลาจลเผาเมืองรับปีใหม่ ขณะทรัมป์ปลุกสาวกลงถนนค้านผลเลือกตั้ง(มีคลิป)

2077

เท็ด วีลเลอร์ ผู้ว่าการเมืองพอร์ตแลนด์จากพรรคเดโมแครต  วันนี้เขาเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนเขาเพิ่งกล่าวว่า พอร์ตแลนด์เป็นเมืองที่ผู้คนมีทัศนคติก้าวหน้า การเติบโตของกลุ่มขวาจัดเชื่อในคนขาวสูงสุด และกลุ่มซ้ายจัดแอนตีฟาต่อต้านทรัมป์เป็นเรื่องที่รับได้ การเดินขบวนก็รับได้และเชื่อว่าจะไม่มีการปะทะรุนแรง แต่วันนี้วิลเลอร์พูดใหม่ว่า ต้องมีการลงโทษอย่างหนักต่อคนที่ก่ออาชญากรรม กลุ่มแอนตีฟาก่อความรุนแรงที่รับไม่ได้ และจะไม่ยอมให้มีเขตปกครองตนเอง  พิษความบ้าคลั่งสิทธิเสรีภาพประชาธิปไตยหายนะ  ก่อเกิดคณาธิปไตยซ้ายจัด-ขวาจัดนำไปสู่มิคสัญญี บ้านเมืองไร้ขื่อแป ซึ่งบัดนี้คุมไม่อยู่แล้ว จับตาการปราบปรามและสงครามที่ไร้การควบคุม เมื่อทรัมป์ประกาศระดมชุมนุมใหญ่ 6 ม.ค.64 คาดปะทะเดือดในขอบเขตทั่วประเทศ

แอนติฟา (Antifa) หรือขบวนการต่อต้านฟาสซิสต์ (Anti-Fascist Action) เป็นการรวมตัวอย่างหลวม ๆ ของกลุ่มคนที่มีแนวคิดโน้มเอียงไปทางฝ่ายซ้าย ต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ สีผิว และเพศในทุกรูปแบบ รวมทั้งต่อต้านนโยบายชาตินิยม กีดกันผู้อพยพและชาวมุสลิมของประธานาธิบดีทรัมป์ด้วย ขบวนการฝ่ายตรงข้ามกลุ่มชาตินิยมขวาจัดและผู้ยึดถือแนวคิดคนผิวขาวเป็นใหญ่ ซึ่งมีความดุเดือดรุนแรงในกลยุทธ์การต่อสู้ไม่แพ้กัน

พอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอนเป็นหนึ่งในเมืองที่มีแนวคิดเสรีนิยมที่สุดในสหรัฐอเมริกา และเป็นที่รับรู้ว่าเป็นศูนย์กลางสำคัญของกลุ่มแอนติฟา (Antifa) หรือขบวนการต่อต้านฟาสซิสต์ (Anti-Fascist Action) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวคิดซ้ายจัด ขณะที่กลุ่มอนุรักษ์นิยมขวาจัดที่สนับสนุนปธน.ทรัมป์เรียกตัวเองว่า “พราวด์บอย” (Pround Boys) เหตุการณ์ความรุนแรงระหว่าง 2 กลุ่มในพอร์ตแลนด์เกิดขึ้นต่อเนื่องมาหลายปี และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อเกิดเหตุประท้วงกรณีจอร์จ ฟลอยด์ชายผิวสีที่ถูกตำรวจทำร้ายเสียชีวิตในขณะจับกุม ที่มินเนโซตา ผ่านมา 7 เดือนย่างเข้าปีใหม่ ไฟขัดแย้งยิ่งเดือดระอุ

ความอดทนของผู้ว่าการเมืองพอร์ตแลนด์เทด วีลเลอร์ถึงขีดสุด หลังเกิดการปะทะกันด้วยความรุนแรง ของกลุ่มคนคิดต่างในเมืองเกิดประท้วงคืนก่อนปีใหม่รุนแรง  เขาให้คำมั่นจะผลักดันอย่างหนักตอบโต้กลุ่มขวาจัดแอนตีฟาที่มีพฤตกรรมเป็นคณาธิปไตย เกิดสภาพบ้านป่าเมืองเถื่อนไม่จบสิ้น

“ความเชื่อดีๆที่ว่าความรุนแรงจะลดระดับลง จากกลุ่มนิยมอนาธิปไตยและพวกแอนตีฟาสำสรับผมหมดลงไปแล้ว” “โดยความรับผิดชอบ มันจำเป็นต้องใช้เครื่องมือทุกอย่างมาหยุดยั้งความรุนแรงและอาชญากรรมให้จบสิ้นเสียที”

วีลเลอร์ จากพรรคเดโมแครต เป็นคนรับผิดชอบกรณีเกิดการประท้วงในเมืองใกล้ที่ทำการศาล ในคืนก่อนวันปีใหม่ เขาเน้นว่าตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความรุนแรงต่อเนื่องในช่วงฤดูร้อน เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานว่า คืนวันพฤหัสบดี (31 ธ.ค.2563) พวกคนร้ายขว้าง ลูกบอลไฟจำนวนมากใส่ตำรวจ และพลุไฟมากมายใส่สำนักงานศาล พวกประท้วงทุบหน้าต่างและจุดไฟเผาในบริเวณรอบๆ ทำให้ตำรวจต้องเริ่มใช้สเปรย์พริกไทและกระบองหยุดยั้งพวกนั้น และกระสุนยางกับลูกบอลพริกไทด้วย

เป็นเวลาเจ็ดเดือนแล้ว หลังจากที่เกิดการประท้วงขึ้นครั้งแรกในเมือง และความรุนแรงก็ยกระดับขึ้นเรื่อยๆ“ความไร้กฎหมาย และอนาธิปไตย ที่ต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายและสุ่มเสี่ยงต่ออนาคตของชุมชนเรา มันจึงถึงเวลาแล้วที่จะตอบโต้ คนพวกนี้ซึ่งทำลายชุมชนและเมืองจนย่อยยับ และสร้างการต่อสู้ที่ไร้ขื่อแปขึ้น” นอกจากนี้เขายังกล่าวถึงการที่ผู้ประท้วงที่มักจะอ้างต่อต้านความอยุติธรรมด้วย ทำไมคนกลุ่มใหญ่ทั้งผิวขาว ทั้งเป็นคนหนุ่มสาว และกลางคนต่างพากันทำลายเพื่อนบ้านหรือคนอื่นที่ไปเห็นด้วยกับการกระทำของตัวเอง นี่มันเห็นแก่ตัวที่สุด” วีลเลอร์กล่าวว่ามันยากที่เขาและคนอื่นๆจะสามารถยอมรับความจริงที่ว่ามีคนบางกลุ่มในโลกนี้จะต้องก้มหัวให้กับการทำลายของอาชญากร นั่นคือมีบางคนต้องการเห็นโลกถูกเผาผลาญทำลาย เขาเสนอให้ลงโทษพวกประท้วงอย่างเด็ดขาด และระดมให้ความช่วยเหลือสาธานณะอีกทั้งดูแลเจ้าของกิจการที่ถูกทำลาย

การประท้วงรุนแรงเริ่มจากการเรียกร้องเสรีภาพ ตลอดฤดูร้อน จากการตื่นตัวกรณีการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมินเนโซตาทำร้าย  วีลเลอร์เน้นถึงกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิที่ปธน.ทรัมป์ส่งมาหนุนปกป้องสถานที่ราชการ ทำให้ความขัดแย้งขยายรุนแรงเพิ่มขึ่น “เราไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือของเขา” วีลเลอร์ได้พยายามเข้ารับฟังผู้ประท้วง และก็ถูกแก๊สน้ำตาขว้างใส่ขณะเจรจากับกลุ่มผู้ประท้วง  อย่างไรก็ตามผู้ประท้วงบางคนเข้าใจและรับฟังเขา และหลายคนทั้งตะโกนและโห่ไล่เขา แต่เขาก็ได้นำความเห็นของผู้ประท้วงเข้าสู่การพิจาณาของพอร์ตแลนด์โปลิศบุโร

ปลายเดือนพฤศจิกายน วีลเลอร์อนุม้ติให้ตำรวจใช้เครื่องมือที่จำเป็นและถูกต้องตามกฎหมาย ในการหยุดพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งที่พวกประท้วงพยายามเปิดพื้นที่เขตปกครองตนเอง (autonomous zone) และเขาย้ำว่า “มันจะไม่มีเขตปกครองตนเองในพอร์ตแลนด์” แต่ยังคงต้องเผชิญกับปัญหาจากการก่อความรุนแรงของกลุ่มอนาธิปไตยและซ้ายจัดแอนตีฟา

ทรัมป์ประกาศชุมนุมใหญ่ขวางรับรองไบเดนเป็นทางการ

ทรัมป์ ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขา ระบุว่า การประท้วงคัดค้านผลเลือกตั้งประธานาธิบดีจะมีขึ้นที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในวันที่ 6 มกราคม เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีการโกงเลือกตั้งในการเลือกตั้งประธานาธิบดี เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ทำให้ ไบเดน เป็นผู้ชนะไปทั้งคะแนนป็อปปูลาร์โหวต และคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง

 

การประท้วงครั้งนี้จะมีขึ้นตอน 11.00 น.ของวันพุธ (6 ม.ค.) เบื้องต้นไม่มีการเปิดเผยสถานที่ชุมนุม แต่ทรัมป์บอกว่ามันกำลังมาถึงแล้ว “การประท้วงใหญ่ในวอชิงตัน ดี.ซี. จะมีขึ้นตอน 11.00 น.ของวันที่ 6 มกาคม รายละเอียดของสถานที่จะตามมา หยุดขโมย!” ทรัมป์เขียนบนทวิตเตอร์

ทั้งนี้ การประท้วงใหญ่ในวันที่ 6 มกราคม ตรงกับวันที่สภาคองเกรสจะลงมติรับรองผลการลงมติของคณะผู้เลือกตั้งเมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคม ที่เทคะแนนให้ โจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ขณะเดียวกัน มันจะเป็นการชุมนุมหนล่าสุดของการประท้วงหลายต่อหลายครั้งของฝ่ายสนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ นับตั้งแต่ศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน การชุมนุมของฝ่ายสนับสนุนทรัมป์ในเมืองหลวงเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม จบลงด้วยการมีคนโดนแทง 4 ราย ถูกจับกุม33 คนและตำรวจ 2 นายได้รับบาดเจ็บ